อร่อยเสร็จคืนหม้อ ร้านดังได้หม้อซูเปอร์ตีนไก่คืน ที่แท้ฝีมืออดีตลูกจ้างผู้หิวโหย

อร่อยเสร็จคืนหม้อ ร้านดังได้หม้อซูเปอร์ตีนไก่คืน ที่แท้ฝีมืออดีตลูกจ้างผู้หิวโหย

อร่อยเสร็จคืนหม้อ ร้านดังได้หม้อซูเปอร์ตีนไก่คืน ที่แท้ฝีมืออดีตลูกจ้างผู้หิวโหย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

โซเชียลแจ้งเบาะแสได้ทันใจ ตำรวจตามไปจับได้ทันควัน สาวใหญ่มือขโมยหม้อต้มซูเปอร์ตีนไก่สารภาพสิ้น ทางร้านดังเตือนเป็นอุทาหรณ์ แม้จะไม่ติดใจแต่เป็นคดีอาญา โทษอาจติดคุกถึง 10 ปี

จากกรณีที่เจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่งใน จ.ราชบุรี ได้เผยแพร่ภาพจากกล้องวงจรปิด เผยให้เห็นคนร้ายย่องขโมยหม้อต้มซูเปอร์ตีนไก่ น้ำหนักประมาณ 3 กิโลกรัมไปทั้งหม้อ หลังจากข่าวดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ปรากฏว่ามีผู้คนจำนวนมากเข้ามาช่วยแจ้งเบาะแส ทำให้ตัดสินใจแจ้งให้ สภ.เมืองราชบุรี ได้ช่วยติดตามในกรณีนี้

กระทั่งเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (9 ก.พ.) เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุม "จอมโจรหม้อซูเปอร์ตีนไก่" ได้ในที่สุด พร้อมกับของกลางเป็นหม้อเบอร์ 40 ที่หายไป โดยผู้ก่อเหตุคือ นางสาวเยาวลักษณ์ อายุ 59 ปี ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้เข้าไปขโมยหม้อต้มตุ๋นตีนไก่ที่ร้านอาหารดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย

>> อร่อยจนยกหม้อ โจรสายกิน ย่องขโมยหม้อต้มซูเปอร์ตีนไก่ร้านดังราชบุรี (มีคลิป)

ขณะที่ 2 สามีภรรยาที่เป็นเจ้าของร้านใหญ่นครพิงค์ เปิดเผยว่า จากกรณีนี้ต้องขอบคุณโลกโซเชียลมีเดียที่ช่วยแจ้งเบาะแสเข้ามาอย่างรวดเร็ว รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ทำงานได้ทันใจเช่นกัน ส่วนผู้ก่อเหตุที่จับกุมตัวได้ ตนก็รู้สึกสงสัยว่าน่าจะเป็นลูกจ้างที่เคยรับเข้าทำงาน เมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว

news07-1หม้อซูเปอร์ตีนไก่ที่ได้กลับคืนมาจากคนร้าย

ทั้งนี้จากการสอบถามกับผู้ก่อเหตุได้บอกว่า หลังก่อเหตุก็จะนำเอาตีนไก่ที่ตุ๋นแล้วแบ่งเก็บเอาไว้รับประทาน ส่วนที่เหลือก็จะแบ่งไปเลี้ยงสุนัขอีกต่อ ส่วนหม้อก็จะเก็บล้างเอาไว้ตามปกติ โดยขณะนี้ทางร้านได้รับหม้อตุ๋นซุเปอร์ตีนไก่กลับคืนมาแล้ว

ผู้เสียหายยังบอกต่อว่า เรื่องคดีความคงต้องปล่อยให้เป็นตามกระบวนการ แต่ฝ่ายตนก็ไม่ได้ติดใจเอาความใดๆ ในเมื่อได้หม้อกลับคืนมาแล้ว แต่เนื่องจากเป็นคดีทางอาญาทำให้ยอมความไม่ได้ จึงอยากจะฝากเรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สอน เพราะการกระทำความผิดเพียงเล็กๆ น้อยๆ อาจต้องแลกกับโทษหนักถึงจำคุก 10 ปีเพราะขโมยซูเปอร์ตีนไก่หม้อเดียว

ทางด้าน ร.ต.ท.หญิง ภูษณิศา จันทรัชภ์ พนักงานสอบสวน ระบุว่า ในคดีนี้มีภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพไว้ได้อย่างชัดเจน และผู้ต้องหาก็ให้การรับสารภาพ เบื้องต้นได้ตั้งข้อกล่าวหาไว้ถึง 5 กระทง ประกอบด้วย ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน, กระทั่งการปิดบังอำพรางใบหน้า หรือทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจดจำได้, ความผิดฐานรับของโจร, ความผิดโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป และบุกรุกเคหะสถานโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมความผิดทุกข้อหา อาจมีโทษจำคุกกว่า 10 ปี

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะส่งตัวผู้ต้องหาฟ้องต่อศาลในคดีอาญาต่อไป และส่งตัวฝากขังเป็นเวลา 48 วัน โดยจะเป็นดุลพินิจของศาลที่จะตัดสินลงโทษผู้กระทำความผิดต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook