ชาวเน็ตสุดทน! แห่โพสต์ #เลื่อนแม่_สิ เต็มโซเชียล ขึ้นอันดับ 1 วลีฮิตทวิตเตอร์

ชาวเน็ตสุดทน! แห่โพสต์ #เลื่อนแม่_สิ เต็มโซเชียล ขึ้นอันดับ 1 วลีฮิตทวิตเตอร์

ชาวเน็ตสุดทน! แห่โพสต์ #เลื่อนแม่_สิ เต็มโซเชียล ขึ้นอันดับ 1 วลีฮิตทวิตเตอร์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ไม่ทราบว่าการเลือกตั้ง เป็นกิจกรรมทางการเมืองหรือเป็นแค่การผลักประตูไปด้านข้างกันแน่ เพราะเลื่อนบ่อยเหลือเกิน และเมื่อช่วงที่ผ่านมา ก็มีข่าวสะพัดหนาหูว่า การเลือกตั้งที่รัฐบาลสัญญาว่าจะจัดขึ้นเร็วๆ นี้จะถูกเลื่อนออกไปเป็นช่วงปลายเดือน มี.ค. อีกแล้ว ซึ่งงานนี้ชาวเน็ตก็พูดถึงกันอย่างยกใหญ่ จนทำให้ #เลื่อนแม่_สิ กลายเป็นวลีสุดฮิตอันดับ 1 ในทวิตเตอร์เมื่อวานนี้ (3 ม.ค.) แถมยังได้รับความนิยมต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้ (4 ม.ค.)

>> วงในเผย เตรียมเลื่อนเลือกตั้งปี 2562 ออกไปอีก 1 เดือน เหตุ "ขัดข้องทางการดูด"

>> กกต.กางปฏิทินถกวันเลือกตั้งอีกรอบ คาดการณ์ลงคะแนนเสียงช่วงมีนาคม

ชาวเน็ตหลายคนโพสต์สิ่งที่เรียกได้ว่าแสบเข้าไปถึงอกถึงทรวงไม่น้อย อย่างความเห็นนี้ที่นอกจากติดแฮชแท็ก #เลื่อนแม่_สิ แล้วยังยกย่องให้ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเป็นบิดาแห่งการเลื่อนเลือกตั้งอีกด้วย

ผู้ใช้ทวิตเตอร์อีกคนหนึ่งกล่าวอย่างน่าสนใจว่า ทุกนาทีที่เลื่อนออกไปทำให้ต้นทุนของการเสียเวลาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงเรียกร้องให้เลือกตั้งตามกำหนดเดิม

ขณะเดียวกัน ชาวเน็ตคนนี้บอกว่า เลื่อนเก่งจริงๆ แต่ไม่ใช่เลื่อนเลือกตั้ง แต่เป็นรอยเลื่อนใต้ดิน ที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหว อย่างที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 30 ธ.ค. ที่ผ่านมา แต่โพสต์นี้ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดถึงมีรูปบุคคลสำคัญอยู่ในแผนที่ได้ อีกความเห็นก็โพสต์ #เลื่อนแม่_สิเช่นกัน และนำภาพตัวอย่างจากภาพยนตร์ดัง 3 เรื่อง ที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการห้ามทำสิ่งต่างๆ เพื่อเอาชีวิตรอดมาต่อกัน แต่กลับมีรูปแผนที่ประเทศไทยปรากฏอยู่ในช่องด้านล่าง และระบุว่า ห้ามเลือกตั้ง

นอกจากนี้ ความเห็นหนึ่งอธิบายเหตุผลที่นักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในขณะนี้ ที่กำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยในอีกไม่ช้า ถึงไม่พอใจต่อการเลื่อนเลือกตั้ง เพราะหลังจากมีกระแสข่าวออกมาว่า จะมีการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 24 ก.พ. นี้ หน่วยงานที่ดูแลด้านการจัดสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้เลื่อนวันสอบให้เร็วขึ้น ทำให้นักเรียนมีเวลาเตรียมตัวน้อยลง แต่สุดท้ายกลับบอกว่ายังไม่มีการกำหนดวันเลือกตั้งอย่างชัดเจน ส่งผลให้นักเรียนกลุ่มนี้ไม่พอใจเพิ่มขึ้นจากเดิม

ไม่ใช่แค่นั้น คนรุ่นใหม่บางกลุ่มที่อายุพ้น 18 ปีมานานแล้ว แต่ยังไม่เคยสัมผัสการเลือกตั้งทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติสักครั้ง ก็ได้แต่ตัดพ้อในโลกโซเชียลด้วยความรู้สึกหมดหวัง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook