จส.100 เปิดผลสำรวจ "สิ่งที่อยากให้หมดไปจากถนนเมืองกรุง" ของชาวโซเชียล

หลังจากที่รวบรวมสถิติอันดับถนนหนทางที่มีสภาพการจราจรที่ติดขัดมาที่สุดแห่งปีไปแล้ว ล่าสุดทาง จส.100 ได้เปิดเผยผลสำรวจจากผู้คนในโซเชียลมีเดีย ในหัวข้อ "อะไรบนถนนควรจะหมดไปพร้อมๆ กับปี 2018" โดยมีผู้คนจำนวนมากเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นและเสนอมาตราการต่างๆ ทำให้ได้ 6 ปัญหาหลักที่ทุกคนอย่างจะขจัดออกไปจากท้องถนนเมืองกรุง

รถติด
สิ่งที่เราอยากให้หมดไปพร้อมปี 2018 มากที่สุด ในฐานะที่เราเป็นหน่วยงานที่นำเสนอข่าวสาร-จราจร เราคำนึงถึงหัวใจของประชาชนอยู่เสมอ เช้าจนถึงค่ำเราทุกคนต่างใช้ชีวิตกันอย่างเหน็ดเหนื่อยพอตกเย็นแทนที่จะได้พักผ่อนกลับบ้านสบายๆ กลับต้องมาเจอกับสภาพการจราจรที่ติดขัดกับถนนที่เรามักจะคุ้นเคยกันดี เป็นปัญหาที่สร้างความเบื่อหน่ายให้ผู้คนที่ใช้รถใช้ถนนเสมอมา

เนื่องจากในแต่ละปีท้องถนนของเมืองไทย มีจำนวนของรถที่เพิ่มมากขึ้นทุกๆปี แต่ถนนนั้นมีเท่าเดิม ซึ่งไม่เพียงพอต่อรถจำนวนมากที่เพิ่มขึ้น เมื่อถึงเวลาเร่งด่วนก็อาจทำให้รถติดสะสมได้ ยิ่งมีน้ำท่วม อุบัติเหตุนี่ไม่ต้องพูดถึงเลยติดกันไปยาวๆ สิ่งเหล่านี้แก้ไขได้ยาก

แต่ก็ใช่ว่าจะแก้ไขไม่ได้ เพียงแต่เราต้องลดการใช้รถ-ใช้ถนนให้น้อยลง แล้วหันมาใช้การเดินทางด้วยวิธีอื่นๆ เช่น รถไฟฟ้า, รถสาธารณะ ,เรือโดยสาร และอื่นๆ ที่จะสามารถบรรเทาสภาพการจราจรลงไปได้บ้าง ในปีใหม่นี้เห็นทีเราจะต้องเลือกใช้ทางเลือกอื่นๆให้มากขึ้น แต่ทางขนส่งสาธารณะก็ต้องมีการพัฒนาให้มีความพร้อม และเพียงพอต่อจำนวนของประชาชนที่แบ่งเบามาจากท้องถนนด้วยเช่นกัน

น้ำท่วมถนน
"ฝนตกทีไร..เป็นแอ่งทุกที" นี่คือวลีใหม่ที่เรามักจะนำมาใช้กันเมื่อเวลาที่มีฝนตกหนักๆ เพราะเวลาที่ฝนตก สิ่งที่เรามักจะพบเจอตามตรอก-ซอย บนท้องถนน หรือแม้บนทางด่วน ก็คงหนีไม่พ้นปัญหาน้ำท่วม ที่ไม่ต้องไปทะเล แต่ก็ได้เห็นทะเลกันถึงที่ หรือที่เรามักจะเรียกกันว่า "ทะเลกรุงเทพฯ" แม้ประโยคจะดูสนุก แต่มันไม่สนุกเลย เมื่อถึงหน้าฝน เพราะเวลาที่เกิดน้ำท่วม คนที่เดือดร้อนก็คงเป็นชาวเมืองอย่างเราๆที่ต้องทนกับปัญหารถติด รวมไปถึงอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ง่าย

สิ่งเหล่านี้ส่วนใหญ่มักเกิดจากปัญหาขยะที่เรามักจะชอบทิ้งๆกัน พวกถุงพลาสติก กระป๋องน้ำ และอื่นๆ ลงไปอุดท่อระบายน้ำ น้ำก็ลงท่อไม่ได้ ขังสะสมเอ่อล้นมาบนถนน จะปีใหม่แล้วก็ขอให้ช่วยๆกันดูแล ทิ้งขยะให้เป็นที่เป็นทาง ไม่ทิ้งลงบนพื้นถนน เดี๋ยวเวลาฝนตกจะลำบาก ส่วนหน่วยงานที่ดูแลก็ต้องสร้างทางน้ำให้เพียงพอด้วยเช่นกัน

หลุมบ่อ-ท่อเปิด
คงจะไม่ดีนักหากเรายังต้องเผชิญกับสภาพของถนน และฟุธปาธที่เป็นหลุม-บ่อ บ้างก็ฝาท่อเปิด ถ้าเป็นบนท้องถนน รถยนต์ หรือมอเตอร์ไซค์ที่ขับผ่านหากไม่ได้ระมัดระวังก็อาจเกิดอุบัติเหตุได้

ส่วนถ้าเป็นฟุธปาธก็คงเป็นปัญหาของฝาท่อชำรุดปิดไม่สนิท กระเบื้องแตก หากมีผู้ที่โชคไม่ดีเดินไปเหยียบ ก็คงจะพลัดตกลงไปก็อาจทำให้บาดเจ็บ ทรัพย์สินเสียหาย บางเคสก็อาจถึงขั้นเสียชีวิต ยิ่งเป็นเด็กตัวเล็กๆเดินไปในที่เปลี่ยวๆ แล้วเกิดเคราะห์ร้ายตกลงไปในท่อแล้วฝาท่อปิดออกไม่ได้ สิ่งเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

ในเมื่อปีใหม่แล้ว ก็หวังว่าจะได้เห็นการซ่อมแซมปรับปรุงหลุม-บ่อให้หมดไป รวมไปถึงการดูแลฝาท่อให้มั่นคงแข็งแรง เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ร้ายๆ กับใครต่อใคร คงต้องฝากให้ผู้ที่ดูแลช่วยจัดการเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนคนไทยทุกคนด้วย

รถหรือจักรยานยนต์ขับขี่บนทางเท้า
จากที่เกริ่นไปก่อนหน้านี้เกี่ยวกับฝาท่อปิดไม่สนิท นี่อาจเป็นสาเหตุของปัญหา เนื่องจากพื้นของฟุธปาธไม่ได้ออกแบบมาให้รับน้ำหนักของรถยนต์ หรือรถจยย.ซึ่งมีน้ำหนักมากให้ขึ้นไปขับขี่บนทางเท้า ปัจจุบันแม้จะมีป้ายห้ามชัดเจน แต่ก็ยังมีผู้ที่ฝ่าฝืนอยู่ ทำให้ฝาท่อ และพื้นผิวทางเท้าทรุดตัว บ้างก็อาจทำให้กระเบื้องที่ปูแตกออกมา เป็นผลกระทบต่อคนเดินเท้าที่อาจสะดุดล้ม หรือที่แย่ที่สุดคือการถูกเฉี่ยวชนจนบาดเจ็บ และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ จะปีใหม่แล้ว ลด-ละ-เลิกการขับขี่บนทางเท้ากัน

นักปาด-นักแทรก
ความวุ่นวายเร่งรีบของผู้ใช้ทางที่ขาดจิตสำนึกไม่คำนึงถึงส่วนรวม กลายเป็นหนึ่งสาเหตุสุดฮิต! ที่ทำให้รถติด แล้วเราจะต้องจำทนกับปัญหาเหล่านี้ไปอีกนานเท่าไหร่? ชีวิตคนกรุงที่สู้ชีวิต ทำงานจนเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน พอตกเย็นก็ต้องเจอรถติด กว่าจะถึงบ้าน หรือจุดหมายก็ใช้เวลาเกินกว่าที่ควรจะเป็น บางครั้งมันก็ทำให้เรารู้สึกหดหู่กับชีวิตที่จำเจ วนลูบไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้จบ

ส่วนทางด้านเจ้าหน้าที่ก็ทำงานกันอย่างหนัก ทั้งจับ-ทั้งปรับ แต่ก็ดูเหมือนว่าพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์บนท้องถนนเหล่านี้ ยังไม่มีวี่แววว่าจะลดลงเลยแม้แต่น้อย แล้วจะมีใครมาแก้ปัญหาเหล่านี้ได้??เราต้องจำทนไปนานอีกเท่าไหร่? จะปีใหม่แล้ว ถึงเวลาเปลี่ยนพฤติกรรมในการขับ-ขี่ สร้างจิตสำนึกที่ดี มีวินัยจราจร

แท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร-โกงมิเตอร์
"แต่ไม่ไปพันธ์ทิพย์ แต่ไม่ไปพันธ์ทิพย์ แน่นอน" ขณะเรียกแท็กซี่กลับบ้าน ก็นึกถึงเพลงนี้ขึ้นมาได้ทันที เนื่องจากเรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีใครไปส่ง ใช่แล้ว...เรากำลังกล่าวปัญหาแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร เป็นสิ่งที่เรามักจะพบเจออยู่บ่อยครั้ง ทั่วพื้นที่ กทม.

โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการจัดงานแสดงใหญ่ๆ เช่น เมืองทองธานี, สนามบิน และอื่นๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นคำถามคาใจของใครหลายๆคน ว่าทำไม? เขาถึงปฏิเสธเรา ในกรณีที่ไม่ใช่ รถเสีย, ไปส่งรถไม่ทัน, กลับบ้าน, ไม่สบาย และอื่นๆ ที่ดูน่าเชื่อถือกว่านี้

เหตุการณ์ดังกล่าวนี้มักจะเกิดขึ้นกับคนไทย เพราะไม่สามารถขึ้นแท็กซี่ในบริเวณนั้นได้ เรียกเท่าไหร่ก็โดนปฏิเสธ แถมบางรายยังมีการเปิดสัญญาณไฟ หรือสัญลักษณ์ ”ว่าง” นั่นหมายถึงการที่ไม่ได้กดมิเตอร์นั่นเอง ส่วนคนที่ซวยกว่าคือนักท่องเที่ยวที่ไม่ค่อยรู้ ก็โดนไปเต็มๆ

งานนี้ผู้โดยสารอย่างเราๆ ก็ต้องลำบากกันไป เพราะต้องโดนปฏิเสธจนเสียอารมณ์ แถมบางคนต้องยอมจ่ายค่ารถในราคาที่แพงกว่า ทั้งที่ไม่ถูกต้อง แบบนี้ผิดกฏหมายหรือไม่? หากยังเป็นแบบนี้ภาพลักษณ์ของประเทศจะเสียหาย จะปีใหม่ทั้งทีถึงเวลาที่แล้วที่เราจะเปลี่ยนแปลงหลายๆ สิ่ง หยุดพฤติกรรมเหล่านี้เพื่อทำให้ประเทศชาติดีขึ้น