วงการสงฆ์สุดเฟะ! เจ้าอาวาสวัดดังนครศรีฯ แฉพระผู้ใหญ่ยักยอกเงินซ่อมบำรุงวัดนับล้าน

วงการสงฆ์สุดเฟะ! เจ้าอาวาสวัดดังนครศรีฯ แฉพระผู้ใหญ่ยักยอกเงินซ่อมบำรุงวัดนับล้าน

วงการสงฆ์สุดเฟะ! เจ้าอาวาสวัดดังนครศรีฯ แฉพระผู้ใหญ่ยักยอกเงินซ่อมบำรุงวัดนับล้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เจ้าอาวาสวัดดังนครศรีธรรมราช แฉถูกพระผู้ใหญ่ยักยอกเงินซ่อมบำรุงวัดจากอุทกภัย ความผิดสำเร็จก่อนถูกจี้เรียกเงินคืน-ยอมส่งคืนแต่ไร้การสอบวินัยสงฆ์ร้องเร่งสอบเส้นทางการเงิน

วันที่ 24 ธ.ค. 61 พระสงฆ์ระดับพระสังฆาธิการรูปหนึ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มอบหมายให้คนสนิทนำเรื่องเข้าร้องเรียนเพื่อขอให้ตรวจสอบพร้อมทั้งนำหลักฐานสำคัญมาแสดงโดยระบุว่ามีพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ในจังหวัดนครศรีธรรมราชรายหนึ่ง ซึ่งมีอำนาจทางการปกครองได้ใช้อำนาจเบียดบังยักยอกงบอุดหนุนวัดในภาคใต้ที่ประสบอุทกภัยในปี 2560 รวม 1.1 ล้านบาท และได้มีการร้องเรียนแล้วแต่กลับไม่มีการสอบสวนดำเนินการใดๆ ทั้งทางกฎหมายและทางวินัยสงฆ์ ซึ่งเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรปล่อยให้เงียบหายไป

โดยผู้แทนพระสงฆ์รูปนี้ระบุว่า ได้มีการยื่นหนังสือมีการระบุชื่อตำแหน่งของพระสงฆ์ระดับปกครองผู้ถูกร้องเรียนรูปนี้อย่างตรงไปตรงมา พร้อมทั้งลงนามผู้ร้องเรียนถูกต้องตรงไปตรงมาเช่นเดียวกัน พร้อมด้วยแนบเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน 2560 โดยเจ้าหน้าที่สำนักงานที่เกี่ยวข้องได้ลงเลขรับเมื่อ 21 พ.ย. 2560 โดยมีหัวเรื่องคือ "การพยายามเบียดยังและยักยอกงบอุดหนุนวัดในภาคใต้ที่ประสบอุทกภัย ปี 2560" ถึงผู้อำนวยการพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

ใจความสำคัญของหนังสือร้องเรียนฉบับนี้ ได้อ้างถึงวัดจำนวน 2 แห่งได้ทำหนังสือผ่านขั้นตอนตามลำดับ ของบประมาณสนับสนุนจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยวัดที่ 1 ได้รับงบประมาณ 6 แสนบาท วัดที่สองได้รับงบประมาณ 5 แสนบาท โดยพระสงฆ์ระดับปกครองรูปนี้ได้สั่งการให้วัดเปิดบัญชีขึ้นใหม่วัดละ 1 บัญชี และให้จัดซื้อที่ดินถมปรับพื้นที่วัดใหม่ในทำนองป้องกันน้ำท่วม โดยจัดหาช่างมาให้ พร้อมทั้งสั่งการให้วัดที่ 1 ถมดินเพียง 5 แสนบาท เงินที่เหลือ 1 แสนให้โอนต่อไปที่บัญชีหนึ่ง วัดที่สองให้ถมดินเพียง 4 แสนบาท เงินที่เหลือ 1 แสนบาทให้โอนไปที่บัญชีเดียวกัน ขณะที่ช่างทราบถึงการเรียกหัวคิวของพระสงฆ์ระดับปกครองรูปนี้จึงปฏิเสธไม่รับงาน

ความต่อมาในหนังสือร้องเรียนฉบับเดียวกัน เจ้าอาวาสทั้งวัดที่ 1 และวัดที่ 2 ได้เข้าติดตามเงินงบประมาณจากสงฆ์ผู้ปกครองรายนี้เนื่องจากไม่ได้รับเงินเข้าสู่บัญชีของวัด กลับได้รับคำตอบว่าวัดทั้งสองมีปัญหา สำนักงานพระพุทธศาสนานครศรีธรรมราช ได้โอนเงินคืนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติหมดแล้ว ถัดมาคณะกรรมการทั้ง 2 วัดได้ประสานไปทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

ตัวแทนพระสงฆ์ผู้ร้องรายนี้บอกว่า หลังจากที่มีการสอบถามไปความจึงแตก สงฆ์ผู้มีตำแหน่งทางปกครองกล่าวเท็จทั้งสิ้นพบปรากฏว่าเงินถูกโอนไปอยู่ในบัญชีที่พระสงฆ์ที่มีตำแหน่งปกครองรายนี้รับผิดชอบอยู่ ทางคณะกรรมการวัดจึงหาทางพูดคุยโดยประสานให้ผู้ที่รู้จักกับพระสงฆ์ที่มีตำแหน่งปกครองรายนี้ ในเชิงบังคับให้คืนเงินกลับมาที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครศรีธรรมราช โอนไปยังวัดทั้ง 2 วัดที่เพื่อซ่อมแซม หลังจากนั้นจึงพบว่าพระสงฆ์ที่มีตำแหน่งทางปกครองรายนี้จึงโอนเงินกลับคืนมา และต่อมาสำนักงานพระพุทธศาสนาได้โอนไปให้วัดเรียบร้อยแล้ว

ผู้แทนพระสงฆ์ผู้ร้องระบุว่าพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นเข้าข่ายยักยอกทรัพย์เรียบร้อยแล้ว และถือว่ามีความผิดสมบูรณ์หากไม่ติดตามหรือจับไม่ได้ไล่ไม่ทันเงินบูรณะทั้งสองวัดรวม 1.1 ล้านบาท จะไม่สามารถตามคืนมาได้ใช่หรือไม่ เงินนี้ไปอยู่ในความครอบของสงฆ์ผู้มีตำแหน่งทางปกครองรายนี้แล้วโดยสมบูรณ์ส่อเจตนาเช่นกฎหมายทางโลกจะมีแนววินิจฉัยคือ “กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา” เข้าข่ายขาดจากความเป็นพระสงฆ์แล้วหรือไม่ การร้องเรียนไปตั้งแต่ พ.ย. 60 จนถึง ธ.ค. 61 รวม 1 ปี 1 เดือนแล้ว คณะสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่เพิกเฉยไม่มีการตั้งเรื่องสอบสวนใดๆ กลับปล่อยให้เรื่องนี้เงียบหายไปยิ่งสร้างความมัวหมองให้กับวงการสงฆ์ไปอีก

ผู้แทนพระสงฆ์ผู้ร้องรายนี้ยังชี้ช่องอีกว่าขอให้ทางการโดยเฉพาะผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำนักงาน ปปง. สำนักงาน ปปป. เร่งตรวจสอบการฟอกเงินผ่านบัญชีหนึ่งที่พระสงฆ์ผู้มีตำแหน่งทางปกครองเป็นผู้ควบคุม โดยมีข้อมูลว่าบัญชีนี้จะเป็นแหล่งถ่ายเงินที่ไม่ปกติ เช่นการจ่ายค่าตอบแทนการดำรงตำแหน่งทางสงฆ์ หากมีการตรวจสอบจะพบความผิดปกติอย่างแน่นอน และเชื่อว่าจะเชื่อมโยงกับพระชั้นผู้ใหญ่ที่มีตำแหน่งระดับสูงในภาคใต้อีกบางรูป ซึ่งน่าจะพบความเชื่อมโยงกับพระสงฆ์ที่ถูกดำเนินคดีก่อนหน้านี้ด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook