3 วันผ่านยังไร้เงา-ปูพรมค้นหาเด็กน้อยเมียนมาหายตัวในป่าอ้อย ร่างทรงชี้เด็กถูกฆ่า!

3 วันผ่านยังไร้เงา-ปูพรมค้นหาเด็กน้อยเมียนมาหายตัวในป่าอ้อย ร่างทรงชี้เด็กถูกฆ่า!

3 วันผ่านยังไร้เงา-ปูพรมค้นหาเด็กน้อยเมียนมาหายตัวในป่าอ้อย ร่างทรงชี้เด็กถูกฆ่า!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

( 20 ธ.ค. 61 ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มี ด.ช.ซูลุยผิว วัย 2 ขวบ 1 เดือน ชาวพม่า หายไปจากไร่อ้อย ห่างจากริมถนนมาลัยแมน 3 กม. ลึกไปในถนนทางเข้าหมู่บ้าน หมู่ 9 ต.สระพังลาน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ตั้งแต่วันที่ 17 ธ.ค. ที่ผ่านมา

โดย นายผิว อายุ 26 ปี (บิดา) และ นางมอ (มารดา) อายุ 20 ปี คนงานตัดอ้อยชาวเมียนมาทั้งคู่ ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2561 เดินทางมาจากประเทศเมียร์มา พร้อมภรรยา และ ด.ช.ซูลุยผิว วัย 2 ขวบ 1 เดือน (บุตรชาย) รวม 3 คน เพื่อมาเยี่ยม นางจู อายุ 43 ปี ยายของ ด.ช.ซูลุยผิว

โดยผ่านเข้ามาทางด่านเจดีย์สามองค์ หรือ หินสามกอง เส้นทางผ่านพรมแดนไทย-พม่า อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี กระทั่งมาถึงที่ไร่อ้อยในพื้นที่ หมู่ 9 ต.สระพังลาน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี

เมื่อพบกับนางจู ยายของ ด.ช.ซูลุยผิว ก็พูดคุยสอบถามความเป็นอยู่กันตามประสาพ่อแม่ลูก โดยปล่อยให้ ด.ช.ซูลุยผิว วิ่งเล่นกับ ด.ญ.สุดารัตน์ อายุ 3 ขวบ (ลูกคนงานในไร่อ้อยซึ่งเป็นชาวพม่าเหมือนกัน)

โดยเด็กทั้ง 2 คน วิ่งเล่นห่างจากนายผิว นางมอ อายุ 20 ปี บิดามารดา เพียง 40-50 เมตร เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง ด.ญ.สุดารัตน์ อายุ 3 ขวบ เพื่อนรุ่นพี่ ได้วิ่งร้องไห้หน้าตาตื่น มาบอกพ่อกับแม่ว่า “น้องถูกคนดึงมือไป” 

เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้บิดา-มารดา และเพื่อนคนงานต่างช่วยกันออกตามหากันจ้าละหวั่น เมื่อคนงานในไร่อ้อยทั้งหมดระดมคนนับร้อยคน ปูพรมควานหาตัว ด.ช.ซูลุยผิว แต่ยังไร้วี่แวว

กระทั่งช่วงเช้าของวันที่ 18 ธ.ค. นางศรีนวล (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี เจ้าของไร่อ้อย จึงตัดสินใจ พาพ่อ-แม่ ของเด็กน้อยชาวเมียร์มาที่หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย เดินทางเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.สระยายโสม อ.อู่ทอง เพื่อให้ช่วยติดตามตัว

หลังรับแจ้งพนักงานสอบสวนได้รายงานไปยัง พ.ต.อ.รณกร ประคองศรี ผกก.สภ.สระยายโสม สั่งการให้ชุดสืบสวน พร้อมด้วยหัวหน้าตู้สายตรวจ ต.สระพังลาน สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ อปพร. พร้อมระดมชาวบ้านอีกนับร้อยออกตามหา โดยหวังว่าจะนำหนูน้อยชาวเมียนมา ที่ไม่ทราบชะตากรรมว่า เป็นอย่างไรบ้าง ถึงแม้จะออกตามหากันอย่างหนักแค่ไหนก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะพบแม้รอยเท้าของเด็กน้อยผู้โชคร้าย รายนี้แต่อย่างใด

โดยกำลังทั้งหมดกำลังจะสิ้นหวัง ยิ่งเวลาผ่านไปนานแค่ไหนก็ยิ่งทำให้ความหวังริบหรี่ลงไปทุกขณะ ตลอดทั้งวันที่กำลังทั้งหมดนับร้อยนาย ทั้งคนงานตัดอ้อย ตำรวจ ชาวบ้าน ฯลฯ ลงพื้นที่ปูพรมบนไร่อ้อยซึ่งมีพื้นที่ถึง 26 ไร่ ฝ่าดงต้นอ้อยนับหมื่นต้น กลับเป็นงานที่ยากยิ่งและเหน็ดเหนื่อย

กระทั่งถึงเวลามืดจึงนำไฟสปอร์ตไลต์มาช่วยส่องสว่าง ตะโกนร้องเรียกหาเด็ก แต่ที่สุดคนเหล่านี้ต้องหยุดพักการค้นหาด้วยความเหน็ดเหนื่อย

การค้นหาเด็กน้อยชาวเมียร์มารายนี้ เป็นไปอย่างต่อเนื่องได้เปิดภารกิจรับอรุณอีกครั้งในเช้าของวันที่ 19 ธ.ค. ชาวบ้าน คนงานตัดอ้อย ทั้งคนไทย และ เมียร์มา ที่เข้ามาช่วย เมื่อทำทุกวิถีทางแล้วไม่พบ จึงได้ปรึกษากัน

กระทั่งตัดสินใจตาม นายวิน อายุ 43 ปี คนทรงเจ้าชาวพม่ามาจาก อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี เพื่อทำพิธี “เปิดโลกถามสิ่งศักดิ์สิทธิ์” ว่าเด็กอยู่ที่ไหน ซึ่งเป็นความเชื่อของชาวพม่า ในการทำพิธีได้นำหัวหมู ไก่ต้ม เหล้าขาว ดอกไม้ธูปเทียน เสื้อผ้าของเด็ก เครื่องเซ่นไหว้ต่างๆ และมี กลอง และ ลำโพงขยายเสียง แห่ร้องตามหาบริเวณไร่อ้อย เดินตีเป็นจังหวะไปตามไร่อ้อย

โดยใช้ลำโพงขยายเสียงตะโกนเรียกชื่อของ ด.ช.ซูลุยผิว ตลอด ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง แต่ก็ยังไม่พบตัวเด็ก หลังจากนั้นคนทรงได้เชิญ น.ส.คะฉิ่น อายุ 40 ปี หญิงสาวชาวพม่า ซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุเข้ามาทรงร่างของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของคนพม่า ก่อนร่างทรงในร่างของ น.ส.คะฉิ่น จะพูดเป็นภาษาพม่ามีใจความแปลเป็นภาษาไทยว่า 

“เด็กได้ถูกผู้ชายจับขึ้นรถกระบะ และ คนร้ายได้ฆ่าเด็กเสียชีวิตแล้ว” เมื่อพ่อแม่ของเด็กน้อยผู้โชคร้ายรายนี้ได้ยินถึงกลับเข่าทรุด กอดคอกันร้องไห้กับพื้น” ทันที

ส่วน นางศรีนวล เจ้าไร่อ้อยที่เกิดเหตุ กล่าวว่า นายผิว (บิดา) และ นางมอ (มารดา) พ่อแม่ ด.ช.ซูลุยผิว ได้เดินทางมาเยี่ยม นางจู อายุ 43 ปี ยายของ ด.ช.ซูลุยผิว ซึ่งเป็นลูกจ้างเป็นคนงานตัดอ้อยในไร่ของตน ก่อนเกิดเหตุเด็กๆ วิ่งเล่นกันในบริเวณไร่อ้อยด้วยความไร้เดียงสา สนุกสนานไปตามประสาเด็ก ไม่นึกว่า อีกไม่กี่นาทีข้างหน้าจะมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น

ทั้งนี้ ก็ได้ระดมคนงานทั้งหมดให้ช่วยกันตามหา แต่ก็ยังไม่เจอแม้แต่เงาของเด็ก แต่ถึงอย่างไรก็ตามพวกเราก็ยังไม่หมดความหวังต้องช่วยตามหาเด็กน้อยคนนี้กลับมาให้ได้

ในขณะเดียวกันหลังเกิดเหตุ ขณะที่ นายสุทธิรักษ์ อายุ 23 ปี ชาวบ้านในละแวกที่เกิดเหตุ กล่าวเสริมด้วยว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นรถปิกอัพ อีซูซุ สีบอร์นเทา ใส่หลังคาแครี่บอย ไม่ทราบทะเบียน กับ รถปิกอัพแบบ 4 ประตูสีขาว ไม่ทราบทะเบียน ได้ขับรถออกมาจากไร่อ้อยตรงจุดเกิดเหตุอย่างรวดเร็ว ซึ่งรถคันนี้ไม่ใช่รถของคนในหมู่บ้าน

กระทั่ง มาทราบว่า มีเด็กหายไป คาดว่า น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายไปของเด็กอย่างแน่นอน สังเกตว่ารถคนดังกล่าวไม่ใช่รถของคนในหมู่บ้านจนมาทราบว่ามีเด็กหายไป ล่าสุดชุดค้นหาเด็กทั้งหมดที่ประกอบไปด้วยคนงานตัดอ้อย ชาวบ้าน อปพร.ยังคงปักหลักควานหาตัวเด็กน้อยผู้โชคร้ายรายนี้กลับมาสู่อ้อมอกของพ่อแม่ให้ได้

อัลบั้มภาพ 4 ภาพ

อัลบั้มภาพ 4 ภาพ ของ 3 วันผ่านยังไร้เงา-ปูพรมค้นหาเด็กน้อยเมียนมาหายตัวในป่าอ้อย ร่างทรงชี้เด็กถูกฆ่า!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook