ตีสนิทเสี่ยพ่อค้าทองคำ คุยภาษาคอเพลงเก่า วางยาแล้วรูดทรัพย์นับล้าน!

ตำรวจตามจับ "ไอ้กบ" โจรชวนตีสนิทเสี่ยค้าทองคำ เห็นชอบเพลงเก่าเหมือนกัน ชวนสังสรรค์ไม่ทันระวัง โดนวางยาเมาสลบ ตื่นมาพบทรัพย์สินหายเป็นล้าน เอาไปเล่นพนันที่กัมพูชาหมดเกลี้ยง
เมื่อคืนวานนี้ (28 พ.ย.) ที่ สภ.บางศรีเมือง จ.นนทบุรี พ.ต.อ.วันชัย ชูจิตร ผกก.สภ.บางศรีเมือง พ.ต.ท.ธรรศกร ก้อนทอง รอง ผกก.สภ.บางศรีเมือง ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ฉัตรชัย ยิ่งชล สว.สส.และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บางศรีเมือง ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายมนัส พงษ์ไพบูลย์ อายุ 58 ปี หลังจับกุมได้ที่หน้าอะพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ย่านบางแค พร้อมแจ้งกล่าวหาฐานลักทรัพย์ผู้อื่นในเวลากลางคืน หรือรับของโจร
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2561 ที่ผ่านมา นายพันศักดิ์ อายุ 62 ปี พ่อค้าทองคำ ได้เข้าแจ้งความที่ สภ.บางศรีเมือง ว่าถูกชายไม่ทราบชื่อลักทรัพย์สินไปหลายรายการ ประกอบด้วย สร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท พร้อมพระเลี่ยมทองมูลค่า 100,000 บาท, สร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท พร้อมพระเลี่ยมทองมูลค่า 100,000 บาท, สร้อยคอทองคำหนัก 4 บาทพร้อมพระเลี่ยมทองมูลค่า 100,000 บาท, เลสข้อมือทองคำหนัก 3 บาท มูลค่า 60,000 บาท
นาฬิกาโรเล็กซ์ฝั่งเพชร มูลค่า 100,000 บาท, เข็มขัดหนังหัวทองคำหนัก 2 บาท มูลค่า 40,000 บาท, แหวนเพชร มูลค่า 60,000 บาท, แหวนทองคำ มูลค่า 30,000 บาท, โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง มูลค่า 59,000 บาท, ทองคำแท่งแท่งละ 10 บาทจำนวน 2 แท่ง มูลค่า 400,000 บาท รวมทรัพย์สินมูลค่า 1,089,000 บาท
เหตุดังกล่าวเกิดที่ปั๊มน้ำมันบางจาก ถนนรัตนาธิเบศร์ ต.ไทรม้า อ.เมือง จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้สืบทราบว่าโทรศัพท์ของกลางได้ถูกใช้งานอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ย่านบางกอกน้อย จึงได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ
กระทั่งได้พบกับ น.ส.ทิพย์ (นามสมมุติ) อายุ 24 ปี พนักงานในร้านเป็นผู้ใช้โทรศัพท์เครื่องดังกล่าว จากการสอบถามทราบว่า นายกบ ไม่ทราบนามสกุล เป็นลูกค้าประจำที่ร้านได้ให้โทรศัพท์ของกลางแก่ น.ส.ทิพย์ หลังจากนั้นได้สืบทราบชื่อและนามสกุลจริงของผู้ต้องหา จึงได้ตรวจสอบแหล่งที่พักอาศัยและทำการซุ่มที่สถานที่จับกุมตัว จนพบผู้ต้องหาและได้แสดงตัวจับกุม ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง
จากการสอบสวน นายมนัส ได้พบกับผู้เสียหายที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งที่ห้างค้าปลีก สาขาติวานนท์ และได้ชวนพูดคุยตีสนิทเรื่องเพลงเก่า จึงได้ชวนกันไปร้องเพลงที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ตรงเชิงสะพานพระนั่งเกล้า จากนั้นได้พยายามชวนให้ผู้เสียหายดื่มเบียร์และทานอาหาร
จนกระทั่งมีการชวนกันไปร้องเพลงต่อที่ร้านอาหารอีกหนึ่งแห่ง ผู้เสียหายเกิดหลับระหว่างทางตนจึงได้ที่แวะปั๊มน้ำมัน ถนนรัตนาธิเบศร์ และฉวยโอกาสขโมยเอาทรัพย์สินไปทั้งหมด และนำทรัพย์สินไปขายเป็นเงินเล่นการพนันที่ประเทศกัมพูชา ตอนนี้เหลือแค่โทรศัพท์มือถือกับหูฟังบลูทูธ
ขณะที่ นายพันศักดิ์ ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุตนเจอผู้ต้องหา โดยที่เพื่อนคนหนึ่งแนะนำมาให้รู้จัก เนื่องจากผู้ต้องหาอ้างว่าชอบเพลงเก่าเหมือนกัน โดยมาเจอกันที่ร้านกาแฟในห้างค้าปลีกแห่งหนึ่ง และได้มีการชวนกันไปทานอาหารที่ร้านอีกแห่ง
ผู้ต้องหาพยายามให้ตนดื่มเบียร์และให้ตนทานอาหาร หลังจากนั้นเริ่มรู้สึกมึนๆ และสะลึมสะลือ แล้วผู้ต้องหาชวนให้ไปร้องเพลงต่อที่ย่านท่าอิฐ จากนั้นตนก็ไม่รู้สึกตัวอะไรอีกเลย จนกระทั่งมาสะดุ้งตื่นกลางปั๊มน้ำมัน และพบว่าทรัพย์สินหายไปหลายรายการ รวมมูลค่าไม่ต่ำกว่าล้านบาท เรื่องนี้ก็เป็นอุทาหรณ์อย่างดีว่า อย่าไว้ใจทางอย่าวางใจคน แม้แต่คนใกล้ชิดหรือเพื่อนที่รู้จักกัน
เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสืบสวน เพื่อเตรียมส่งฝากขังศาลจังหวัดนนทบุรี เพื่อดำเนินคดีต่อไป