ลุงวัย 58 ป่วยท้องเสียเข้า รพ. หมอสั่งกรอก "ยาฆ่าพยาธิสุนัข" สุดท้ายสิ้นใจ

ลุงวัย 58 ป่วยท้องเสียเข้า รพ. หมอสั่งกรอก "ยาฆ่าพยาธิสุนัข" สุดท้ายสิ้นใจ

ลุงวัย 58 ป่วยท้องเสียเข้า รพ. หมอสั่งกรอก "ยาฆ่าพยาธิสุนัข" สุดท้ายสิ้นใจ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หมอโรงพยาบาลดังสั่งญาติซื้อ "ยาฆ่าพยาธิสุนัข" กรอกสามีหลังป่วยท้องเสียเข้าโรงพยาบาล สุดท้ายอาการทรุดดับ ข้องใจคนใช้ยาหมาได้จริงหรือ

ที่จังหวัดอ่างทองผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบ นางประภาพร หรือ ป้าออด อายุ 58 ปี แม่ค้าปลาเค็ม หลังได้รับการร้องเรียนว่า นายแสวง อายุ 58 ปี สามีของป้าออดเสียชีวิตหลังจากเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดอ่างทอง เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยป้าออดนำกล่องยาฆ่าพยาธิสุนัข มาให้ผู้สื่อข่าวดูด้วย

ป้าออดเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังด้วยน้ำตานองหน้าว่า ตนเองกับนายแสวงสามีมีอาชีพขายปลาเค็มอยู่ในตลาดอ่างทอง เมื่อวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา อยู่ๆ นายแสวงก็ท้องเสียจึงพาไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดอ่างทอง โดยแพทย์ตรวจร่างกายให้นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ซึ่งทางแพทย์แจ้งว่าป่วยเป็นโรคพยาธิในตับ หลังจากการรักษาไปประมาณ 1 อาทิตย์ จนถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน อาการก็ยังไม่ดีขึ้น แพทย์เจ้าของไข้มาตรวจและบอกกับตนว่าพยาธิที่อยู่ในร่างกายสามีตน ยาที่มีอยู่ไม่สามารถรักษาได้ ให้ทางญาติไปซื้อยาฆ่าพยาธิของสุนัขมาให้โดยจดชื่อตัวยามาให้เรียบร้อย ตนจึงให้ทางหลานออกไปซื้อยาที่ร้านขายยาในตลาดอ่างทอง ซึ่งทีแรกก็ยังถามหมออยู่ว่า ยาของหมาจะใช้กับคนได้หรือ ทางแพทย์แจ้งว่าให้ไปซื้อมา ทางเราก็เชื่อหมอจึงให้หลานไปซื้อมา 2 กล่อง เนื่องจากกล่องหนึ่งมี 10 เม็ด หมอจะต้องใช้ 14 เม็ด

หลังจากซื้อมาแล้วก็นำมาให้ทางโรงพยาบาลซึ่งทางพยาบาลก็นำไป 1 กล่องไปบดผสมน้ำก่อนมาให้ตนกรอกทางสายยาง ซึ่งตนเองก็ถามย้ำไปอีกว่ายาหมาใช้กับคนได้เหรอทางหมอก็บอกว่าได้ หลังจากกรอกไปสักพักปรากฏว่าสามีตนแน่นิ่งไป จนทั้งทางพยาบาลต้องเร่งตามแพทย์เจ้าของไข้มาปั๊มหัวใจแต่อาการกลับแย่ลงจนไม่ดีขึ้น จนสุดท้ายเลยต้องนำกลับมาเสียชีวิตที่บ้านทั้งๆ ที่ ตอนไปก็ยังเดินไปด้วยกันแท้ๆ แต่กลับต้องมาเสียชีวิต โดยทางแพทย์ชันสูตรระบุว่าติดเชื้อในกระแสเลือด โดยหลังจากเสร็จงานศพของสามีได้ปรึกษากับหลานๆ และสงสัยว่ายาฆ่าพยาธิของสุนัขสามารถใช้กับคนได้หรือไม่และเป็นสาเหตุให้สามีตนเสียชีวิตหรือไม่

ด้านนางสาวพรพรรณ อายุ 30 ปี และ นางสาวปิยรดา อายุ 28 ปี หลานซึ่งเป็นผู้ไปซื้อยา เปิดเผยว่าวันเกิดเหตุตนเองเป็นผู้ไปซื้อยาโดยทางแพทย์เจ้าของไข้ได้เขียนชื่อยามาให้ และเมื่อซื้อได้นำไปให้แพทย์ก่อนที่ทางพยาบาลจะละลายน้ำมาให้ป้าของตนกรอกให้ลุง ทีแรกก็รู้สึกงงว่ายาหมาใช้กับคนได้ด้วยหรือ และถามย้ำไปหลายครั้งแต่ทางโรงพยาบาลก็บอกว่าใช้ได้ สุดท้ายลุงตนก็เสียชีวิตจึงสงสัยว่ายานี้เป็นต้นเหตุหรือไม่

ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามไปยังโรงพยาบาลดังกล่าวพบว่าผู้อำนวยการโรงพยาบาลติดประชุมอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ยังไม่สามารถให้รายละเอียดใดๆได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook