โจ๋วัย 13 ปีซิ่ง จยย.ชนท้ายรถไถลากพ่วงบน “ถนน 100 ศพ” อาการสาหัส

( 5 พ.ย. 61 ) ร.ต.อ.วิสัตน์ จิตพิมพ์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.หนองบ่อ อ.นาแก จ.นครพนม รับแจ้งจากชาวบ้านมีอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์ ชนรถไถนาลากพ่วง มีผู้บาดเจ็บ บริเวณถนน สายสกลนคร มุ่งหน้าเข้า อ.นาแก เขตบ้านคำพี้ ต.คำพี้ อ.นาแก จ.นครพนม
จึงประสานไปยังเจ้าหน้าที่กู้ชีก 1669 โรงพยาบาลอำเภอนาแก และเจ้าหน้าที่กู้ชีพ อบต.คำพี้ ร่วมตรวจสอบให้การช่วยเหลือ โดยในที่เกิดเหตุพบผู้ได้รับบาดเจ็บ หมดสติคาซากรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่นเวฟ สีดำแดง ไม่ติดป้ายทะเบียน สภาพถูกชนพังเสียหายยับเกือบทั้งคัน ชิ้นส่วนกระจัดกระจาย เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันนำร่าง ผู้ได้รับบาดเจ็บ นำส่งโรงพยาบาลอำเภอนาแก
ทราบชื่อภายหลังคือ นายมารุ อายุ 13 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ ต.คำพี้ อ.นาแก จ.นครพนม บาดเจ็บสาหัสเป็นตายเท่ากัน ซึ่งหลังเกิดเหตุแม่ผู้ได้รับบาดเจ็บ ได้เดินทางมาหลังทราบข่าว ร้องให้แทบสิ้นใจ โผเข้ากอดร่างลูกชาย ร้องขอให้ เจ้าหน้าที่ช่วยเร่งนำส่งโรงพยาบาล
นอกจากนี้ห่างจากรถจักรยานยนต์ คันเกิดเหตุ ประมาณ 20 เมตร พบรถไถนาเดินตามยี่ห้อคูโบต้าสีแดงลากพ่วงถูกชนท้าย เสียหายเล็กน้อย ทราบชื่อคนขับคือ นายวิจิตร อายุ 48 ปี ภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.นาแก จ.นครพนม ยืนอยู่ในอาการตกใจ
และให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า ได้ขับรถไถนาเดินตามลากพ่วง มาจากนา เพื่อไปเก็บเกี่ยวข้าว กำลังจะกลับบ้าน ซึ่งมีภรรยาและลูกนั่งมาด้วยในรถ จากนั้นถึงที่เกิดเหตุได้มีรถจักรยานยนต์เด็กวัยรุ่นขับซิ่งมา 2 คัน พบเห็นคันแรกแซงไปอย่างรวดเร็ว แต่อีกคนพุ่งชนท้ายรถพ่วงลากของตนอย่างแรง จนพังกระจัดกระจาย
จากนั้นตนจึงจอดรถมาดู พบเด็กชายวัยรุ่นนอนหมดสติทรุดคาซากรถจักรยานยนต์ จึงโทรศัพท์ แจ้งเจ้าหน้าที่ และชาวบ้านมาช่วยเหลือ ซึ่งขณะขับรถมาได้ระมัดระวัง และมีการนำไฟส่องแบตเตอรี่ส่องสว่าง ทำเป็นสัญญาณด้านหลัง แต่รถจักรยานยนต์ ดังกล่าวมาด้วยความเร็ว และกำลังเป็นช่วงหัวค่ำ อาจมองไม่เห็นและเบรกไม่ทัน เป็นเหตุให้ชนเข้าอย่างแรง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้เร่งตรวจสอบเก็บหลักฐาน และหาสาเหตุโดยละเอียด ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขณะเดียวกันทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งเตือนไปยังประชาชนที่สัญจรไปมาให้ระมัดระวังงดใช้ความเร็ว อีกทั้งในช่วงนี้เป็นช่วงฤดูเก็บเกี่ยว มีรถไถการเกษตรสัญจรไปมาบนถนน เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ และให้เกษตรกร หาทางป้องกันติดไฟสัญญาณเวลาวิ่งบนถนน
โดยถนนดังกล่าวถือเป็นเส้นทางเสี่ยง ที่เกิดอุบัติเหตุเจ็บตายบ่อยครั้ง เพราะมีการจราจรคับคั่ง ถนนแคบ และไม่มีไฟส่องสว่าง จนชาวบ้านให้ฉายาว่า “ถนน 100 ศพ”
ซึ่งชาวบ้านเคยเรียกร้องมานานนับ 10 ปี ไปยังหน่วยงานเกี่ยวข้อง ให้ปรับปรุงขยายช่องทางการจราจร แต่ไม่มีการแก้ไข เนื่องจากมีปัญหาเรื่องงบประมาณ สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน สัญจรไปมาเป็นอย่างมาก