แม่แทบสิ้นใจ! ลูกชายวัย 13 ปี ซิ่งจักรยานยนต์ชนท้ายรถไถลากพ่วง เป็นตายเท่ากัน

แม่แทบสิ้นใจ ลูกชายวัย 13 ปี ซิ่งจักรยานยนต์ชนท้ายรถไถลากพ่วง อาการเป็นตายเท่ากัน เตือนถนนมรณะ 100 ศพ ตายบ่อยงดซิ่ง ชาวบ้านร้องขอขยายมา 10 ปี ไร้การแก้ไข
เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 5 พฤศจิกายน 2561 ร.ต.อ.วิสัตน์ จิตพิมพ์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.หนองบ่อ อ.นาแก จ.นครพนม รับแจ้งจากชาวบ้านมีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนรถไถนาลากพ่วงมีผู้บาดเจ็บ บริเวณถนนสายสกลนคร มุ่งหน้าเข้า อ.นาแก เขตบ้านคำพี้ ต.คำพี้ อ.นาแก จ.นครพนม จึงประสานไปยังเจ้าหน้าที่กู้ชีพ 1669 โรงพยาบาลอำเภอนาแก และเจ้าหน้าที่กู้ชีพ อบต.คำพี้ ร่วมตรวจสอบให้การช่วยเหลือ
โดยในที่เกิดเหตุพบผู้ได้รับบาดเจ็บ หมดสติคาซากรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ สีดำแดง ไม่ติดป้ายทะเบียน สภาพถูกชนพังเสียหายยับเกือบทั้งคัน ชิ้นส่วนกระจัดกระจาย เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันนำร่างผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลอำเภอนาแก
ทราบชื่อภายหลังคือ นายมารุต คนหมั่น อายุ 13 ปี บ้านเลขที่ 60 หมู่ที่ 8 ต.คำพี้ อ.นาแก จ.นครพนม บาดเจ็บสาหัสเป็นตายเท่ากัน ซึ่งหลังเกิดเหตุแม่ของผู้ได้รับบาดเจ็บ ได้เดินทางมาหลังทราบข่าว ร้องไห้แทบสิ้นใจโผเข้ากอดร่างลูกชาย ร้องขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยเร่งนำส่งโรงพยาบาล
นอกจากนี้ห่างจากรถจักรยานยนต์คันเกิดเหตุ ประมาณ 20 เมตร พบรถไถนาเดินตามยี่ห้อคูโบต้า สีแดง ลากพ่วง ถูกชนท้ายเสียหายเล็กน้อย ทราบชื่อคนขับคือ นายวิจิตร วังคะพันธ์ อายุ 48 ปี บ้านเลขที่ 141 หมู่ 3 บ้านนาโสก ต.บ้านแก้ง อ.นาแก จ.นครพนม ยืนอยู่ในอาการตกใจ และให้การกับเจ้าหน้าที่ว่า ได้ขับรถไถนาเดินตามลากพ่วงมาจากนาเพื่อไปเก็บเกี่ยวข้าวกำลังจะกลับบ้าน ซึ่งมีภรรยาและลูกนั่งมาด้วยในรถ
เมื่อถึงที่เกิดเหตุได้มีรถจักรยานยนต์เด็กวัยรุ่น ขับซิ่งมา 2 คัน พบเห็นคันแรกแซงไปอย่างรวดเร็ว แต่อีกคนพุ่งชนท้ายรถพ่วงลากของตนอย่างแรง จนพังกระจัดกระจาย ตนจึงจอดรถมาดูพบเด็กชายวัยรุ่นนอนหมดสติทรุดคาซากรถจักรยานยนต์ จึงโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ และชาวบ้านมาช่วยเหลือ ซึ่งขณะขับรถมาได้ระมัดระวัง และมีการนำไฟแบตเตอรี่ส่องสว่างทำเป็นสัญญาณด้านหลัง
แต่รถจักรยานยนต์ดังกล่าวมาด้วยความเร็ว และกำลังเป็นช่วงหัวค่ำ อาจมองไม่เห็นและเบรกไม่ทัน เป็นเหตุให้ชนเข้าอย่างแรง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้เร่งตรวจสอบเก็บหลักฐาน และหาสาเหตุโดยละเอียดดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขณะเดียวกันทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งเตือนไปยังประชาชนที่สัญจรไปมาให้ระมัดระวังงดใช้ความเร็ว อีกทั้งในช่วงนี้เป็นช่วงฤดูเก็บเกี่ยวมีรถไถการเกษตรสัญจรไปมาบนถนนเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ และให้เกษตรกรหาทางป้องกันติดไฟสัญญาณเวลาวิ่งบนถนน
โดยถนนดังกล่าวถือเป็นเส้นทางเสี่ยงที่เกิดอุบัติเหตุเจ็บตายบ่อย เพราะมีการจราจรคับคั่ง ถนนแคบ และไม่มีไฟส่องสว่าง จนชาวบ้านให้ฉายาว่า ถนน 100 ศพ ซึ่งชาวบ้านเคยเรียกร้องมานานนับ 10 ปี ไปยังหน่วยงานเกี่ยวข้องให้ปรับปรุงขยายช่องทางการจราจร แต่ไม่มีการแก้ไข เนื่องจากมีปัญหาเรื่องงบประมาณสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านสัญจรไปมาเป็นอย่างมาก