แม่ค้าช้ำใจ โดนหลอกสั่งอาหารหมื่นชุด แต่สุดท้ายคนสั่งหายไม่จ่ายเงิน

แม่ค้าช้ำใจ โดนหลอกสั่งอาหารหมื่นชุด แต่สุดท้ายคนสั่งหายไม่จ่ายเงิน

แม่ค้าช้ำใจ โดนหลอกสั่งอาหารหมื่นชุด แต่สุดท้ายคนสั่งหายไม่จ่ายเงิน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แม่ค้าชาวอุตรดิตถ์ โพสต์เตือนหลังถูกลวงให้ทำข้าวกล่องและน้ำ 10,000 ชุด ส่งโรงงาน ปรากฏว่าคนสั่งจ้างหายตัวไปและไม่จ่ายเงินค่าอาหารที่สั่งไว้

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก Nutthaphun Munkhemtong ได้โพสต์ภาพและข้อความระบุว่า "เตือนภัยชาวอุตรดิตถ์นะคะ ช่วงนี้แก๊งมิจฉาชีพหลอกลวงทำเป็นกระบวนการระบาดในบ้านเราอีกครั้ง เคสนี้ที่ชาวบ้านเจอคือ สั่งน้ำหมื่นถุง ข้าวหมื่นกล่อง แล้วทิ้งทวนชาวบ้านร้องไห้เสียใจเยอะมาก ถ้าใครเคยเจอแก๊งนี้หลอกลวง สามารถให้ข้อมเพิ่มเติมได้นะคะ คนจังหวัดเดียวกันยังทำกันได้ อย่าปล่อยให้คนแบบนี้มีที่ยืนในสังคมค่ะ"

ผู้สื่อข่าวจึงได้ติดตามไปหา นางธนิสร อายุ 42 ปี ชาวบ้านใน ต.วังกะพี้ อ.เมืองอุตรดิตถ์ พบว่ากำลังนั่งเครียดอยู่กับคนงาน หลังเร่งกันทำข้าวกล่อง 10,000 กล่อง ตามที่ได้รับการว่าจ้าง แต่ปรากฏว่าผู้ว่าจ้างไม่รับขอและไม่ให้เงินค่าจ้างทำอาหารแม้แต่บาทเดียว

นางธนิสร เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ได้ทำสัญญาสัมปทานทำอาหารและน้ำดื่มกับบริษัทแห่งหนึ่ง ผ่านการแนะนำจากคนรู้จักจึงเชื่อใจ ประกอบบริษัทที่มาทำสัญญาอ้างว่าจะส่งข้าวกล่องและน้ำดื่มให้กับโรงงานใหญ่แห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก โดยมีระยะเวลาสัญญาจ้าง 5 ปี ในการผลิตข้าวกล่อง ส่งในวันจันทร์-ศุกร์ วันละ 10,000 กล่อง น้ำดื่มบรรจุขวด ส่งในวันเสาร์-อาทิตย์ วันละ 10,000 ขวด พร้อมไข่ต้ม ส่งในวันจันทร์และวันศุกร์ วันละ 30,000 ฟอง เริ่มตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน จึงได้ทำสัญญาโดยเสียเงินค่าทำสัมปทานรวมทั้งค่าขวดบรรจุน้ำดื่ม รวม 106,000 บาท

นอกจากนี้ ยังลงทุนซื้ออุปกรณ์ในการประกอบอาหารและทำน้ำดื่มเกือบ 1 ล้านบาท โดยการนำรถเข้าไฟแนนซ์ แต่ปรากฏว่า น้ำดื่มที่ทำส่งในวันแรก เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ผู้ว่าจ้างมารับไปแล้วนำกลับมาส่งคืน อ้างว่าไม่ผ่านมาตรฐานที่กำหนด ต้องเสียค่าปรับ 150,000 บาท แต่ให้ทำน้ำดื่มให้ในวันที่ 4 พฤศจิกายน เพื่อเป็นการหักลบกับค่าปรับ ส่วนข้าวกล่องเริ่มทำวันที่ 5 พฤศจิกายนเป็นวันแรก จำนวน 10,000 กล่อง ซึ่งแล้วเสร็จตามเวลาที่ระบุในสัญญา แต่กลับถูกบ่ายเบี่ยงและยื้อเวลา ไม่นำข้าวกล่องที่ทำไว้ไปส่งโรงงานแต่อย่างใด

นางธนิสร กล่าวต่อว่า ทุกอย่างเร่งทำกันมาจนไม่ได้นอนนั้นไม่ได้เงินแม้แต่บาทเดียว จึงตัดสินใจไปแจ้งความร้องทุกข์ที่ สน.พญาแมน อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจำนวน 299,000 บาท โดยให้ชดใช้ภายในวันที่ 12 พฤศจิกายน แต่หากไม่จ่ายก็จะคิดค่าเสียหายเพิ่มเป็น 799,000 บาท ซึ่งเป็นค่าสัญญา ค่าอุปกรณ์และค่าจ้างแรงงาน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook