"หนุ่มพม่า" ขับซาเล้งไปซื้อกับข้าว ขากลับเสยรถบรรทุกข้างทางดับคาที่

"หนุ่มพม่า" ขับซาเล้งไปซื้อกับข้าว ขากลับเสยรถบรรทุกข้างทางดับคาที่

"หนุ่มพม่า" ขับซาเล้งไปซื้อกับข้าว ขากลับเสยรถบรรทุกข้างทางดับคาที่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หนุ่มพม่าขับซาเล้งพาเมียและหลานไปซื้อกับข้าว ขากลับพ่วงเสยท้ายรถบรรทุกพ่วงที่จอดลงคิวอยู่ข้างทาง ตัวเองและเมียดับคาที ส่วนหลานเจ็บสาหัส

วันที่ 20 ต.ค. 61 เมื่อเวลา 17.00 น. ร.ต.อ.สวัวดิ์ คงแก้ว รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองชุมพร ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถจักรยานพ่วงข้างชนท้ายรถบรรทุกพ่วงมีผู้เสียชีวิตคาที่

บนถนนสายเพชรเกษม บริเวณ กม.480 ม.9 ต.วังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมหน่วยกู้ชีพของโรงพยาบาลชุมพรและหน่วยกู้ภัยสายชล มูลนิธิ ชุมพรการกุศลสงเคราะห์

ในที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ ยี่ห้อฮีโน่ ทะเบียนป้ายเหลือ 70-2337 ชุมพร ส่วนตัวพ่วงหมายเลขทะเบียนป้ายเหลือง 70-2338 ชุมพร สภาพเปิดไฟกะพริบขอทางจอดอยู่ไหล่ทาง

บนถนนสายเพชรเกษม ขาล่องใต้ ส่วนบริเวณด้านหลังของตัวพ่วงพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า พ่วงข้าง ทะเบียน กยง111 นครปฐม สภาพชนเสยท้ายมุมด้านขวาของรถพ่วงคันดังกล่าว จนไฟท้ายของรถแตกกระจาย

ส่วนคนขับรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง ทราบชื่อภายหลังเป็นชาวเมียนมาคือ Mr.Phoe Kyaw Ku Jo อายุ 49 ปี โดยพบครั้งแรกยังหายใจรวยริน เจ้าหน้าที่จึงได้ช่วยปั๊มหัวใจ

แต่สุดยื้อเนื่องจากกะโหลกบริเวณหน้าผากกระแทกท้ายรถจนแตกร้าว เสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วน Mrs.San Myint Ngae อายุ 41 ปี ภรรยา Mr.Phoe Kyaw Ku Jo สภาพกระดูกหักทั้งตัว เสียชีวิตคาที่อยู่ที่นั่งบนพ่วงข้าง

นอกจากนี้มีหลานชายของทั้งสองอายุประมาณ 16 ปี ซึ่งนั่งมาด้วย หลังเกิดเหตุกระเด็นตกลงมาได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณหน้าผาก แขน ขาและบริเวณหน้าอกปูดบวม เจ้าหน้าที่จึงได้เร่งนำตัวนำส่งโรงพยาบาลชุมพรเพื่อทำการตรวจเช็ค

สอบถามนายชยพัทธ์ อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ ทราบว่า ตนเองได้บรรทุกสินค้ามาจากกรุงเทพมหานครเพื่อนำไปส่งที่จังหวัดภูเก็ต

โดยก่อนเกิดเหตุ ตนเองได้ขับรถมาจอดที่ไหล่ทางพร้อมเปิดไฟกะพริบขอทางไว้ แล้วเปิดประตูลงไปที่บริษัทซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เพื่อส่งเอกสาร และเมื่อกลับมายังไม่ถึงรถ ก็เห็นรถจักรยานยนต์พ่วงข้างขับมาด้วยความเร็ว และพุ่งชนท้ายดังโครมจนมีผู้เสียชีวิตดังกล่าว

ซึ่งหลังจากที่เกิดเหตุตนก็ไม่ได้หลบหนีไปไหน ยังคงรอให้การกับทางตำรวจ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการสอบสวนหาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook