ฟังอีกมุม ลุงวอนชาวเน็ตเห็นใจ อุ้มไม่ไหว-ต้องใช้เชือกผูกท้ายรถลากหมาตายไปทิ้ง

ฟังอีกมุม ลุงวอนชาวเน็ตเห็นใจ อุ้มไม่ไหว-ต้องใช้เชือกผูกท้ายรถลากหมาตายไปทิ้ง

ฟังอีกมุม ลุงวอนชาวเน็ตเห็นใจ อุ้มไม่ไหว-ต้องใช้เชือกผูกท้ายรถลากหมาตายไปทิ้ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณีโลกโซเชียลวิจารณ์ถึง มีคนขับรถกระบะป้ายทะเบียน บจ 3620 สุโขทัย ลากสุนัขที่ผูกไว้ท้ายรถ ขับรถไปเป็นระยะทางยาว บีบแตรบอกก็ไม่หยุดรถ บริเวณตำบลทับผึ้ง อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัยนั้น 

ล่าสุด (19 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านหลังหนึ่ง ม.4 ต.เกาะตาเลี้ยง อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย ซึ่งเป็นบ้านของ ลุงเทิ้ม อายุ 84 ปี ซึ่งได้ออกมายอกรับว่าลุงได้ลากสุนัขจริง แต่สุนัขนั้นตายมานานแล้ว

โดย ลุงเทิ้ม เล่าว่า เช้าวันเกิดเหตุ คือวันที่ 17 ต.ค.ได้มีสุนัขตัวใหญ่สีดำนอนตายอยู่ปากทางเข้าบ้าน ซึ่งตนเองต้องลุกขึ้นมาใส่บาตรบริเวณหน้าบ้านทุกเช้าจึงเห็น หลังจากเห็นแล้วก็รอดูว่าใครจะมารับเป็นเจ้าของสุนัขเพื่อจะนำไปฝังหรือไม่ แต่ปรากฏว่าจนเย็นของวันนั้นประมาณ 17.00 น. ก็ยังไม่มีใครมาดูว่าเป็นสุนัขของใคร

ลุงเทิ้ม จึงกลัวว่าจะเกิดกลิ่นเหม็น จึงได้นำถุงพลาสติกมาทำเป็นถุงมือและใช้ไม้มางัดศพสุนัขตัวขึ้นมา พร้อมกับใช้เชือกผูกและเอาไปคล้องไว้ที่กันชนท้ายรถ ส่วนสาเหตุที่ต้องทำอย่างนั้นเพราะสุนัขตัวใหญ่มากลุงเทิ้ม ที่แก่แล้วไม่สามารถอุ้มสุนัขตัวดังกล่าวขึ้นไว้ท้ายกระบะรถตัวใหญ่มากอุ้มไม่ไหว และอีกส่วนหนึ่งก็คือกลัวในเรื่องของโรคพิษสุนัขบ้าด้วย เพราะเพื่อนบ้านก็เคยเป็นมาแล้ว

ลุงเทิ้ม กล่าวต่อว่า ตนเองไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายสุนัข หรือทำให้คนรักหมาสะเทือนใจ แต่อยู่กันเพียงสองคนตายาย ไม่สามารถเรียกยายที่เป็นอัมพฤกษ์มาช่วยตนเองเพื่อที่จะอุ้มสุนัขขึ้นรถได้ จึงได้คล้องสุนัขไปกับกันชนรถด้วยเชือก

และค่อยๆ ขับไปเพื่อที่จะนำสุนัขไปทิ้งในจุดรวมขยะท้ายหมู่บ้าน เพื่อให้เจ้าหน้าที่เก็บไปอีกครั้ง ซึ่งตั้งแต่เกิดมาไม่เคยทำร้ายสัตว์ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่เคยไปหนองน้ำเพื่อจับปลา และประพฤติตนอยู่ในศีล 5 มาโดยตลอด ทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆ

ด้าน ร้อยตำรวจเอก เสรี  อุทธา รองสารวัตรสืบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอศรีสำโรง ได้มาที่เกิดเหตุและตรวจสอบทั่วบริเวณ พร้อมทั้งพูดคุยกับลุงเทิ้ม และเข้าใจว่าที่ลุงเทิ้มทำไปโดยเจตนาบริสุทธิ์ และไม่คิดว่าจะเป็นสิ่งที่ผิด เพราะยืนหยัดอยู่ในการช่วยเหลือให้เพื่อนบ้านทุกบ้านไม่มีผลกระทบต่อกลิ่น และเพื่อความสะอาดของชุมชน

จึงไม่ได้มีเจตนาทำผิดแต่ประการใด เพียงแต่ได้อธิบายให้ลุงเทิ้มเข้าใจว่า หากต่อไปมีเหตุการณ์แบบนี้ให้แจ้งไปที่ สภ.ศรีสำโรง และทางตนนั้นจะจัดส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาดำเนินการช่วยเหลือต่อไป

ขณะที่ นายจุมพล หวังเชื้อ เพื่อนบ้านลุงเทิ้ม เล่าว่า ลุงเทิ้มเป็นคนที่มีอัธยาศัยดี เป็นคนจิตใจดี เป็นจิตอาสาและชอบอาสาดูแลความสะอาด ในบริเวณบ้านตนเองและโดยรอบ และแถวนี้มักจะมีอุบัติเหตุรถชนสุนัขบ่อยๆ ด้วยใจสาธารณะมักจะช่วยเก็บสุนัขที่ถูกรถชนตายไปทิ้งบ่อยๆ

ซึ่งครั้งนี้คงรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และไม่คิดว่าจะมีคนถ่ายคลิปจนเป็นเหตุ จึงขอวอนโลกโซเชียลได้เข้าใจคนอายุ 84 ปีที่มีเจตนาดี ถามว่าอยู่กันสองคนตายายลูกหลานก็ไม่อยู่ ลุงเทิ้มคงอุ้มไม่ไหวจริงๆ หรือจะให้ยายออกมาช่วยยายก็เป็นอัมพฤกษ์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook