คุณป้ารู้แล้วสะอึก! เซ็นดูแลคนพิการมาตรา 35 โดนอมเงิน 2 ปีนับแสนบาท

คุณป้ารู้แล้วสะอึก! เซ็นดูแลคนพิการมาตรา 35 โดนอมเงิน 2 ปีนับแสนบาท

คุณป้ารู้แล้วสะอึก! เซ็นดูแลคนพิการมาตรา 35 โดนอมเงิน 2 ปีนับแสนบาท
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คุณป้าผู้ดูแลคนพิการโครงการจ้างเหมามาตรา 35 เพิ่งรู้ตัว โดนหลอกเงินค่าจ้างมา 2 ปี วงเงินกว่า 2 แสนบาท หลอกเซ็นสัญญาย้อนหลัง ลั่นตามสืบเงินไปอยู่กระเป๋าใคร

จากกรณีตัวแทนผู้ปกครองคนพิการใน จ.กาฬสินธุ์ ร้องเรียนเรื่องเงินค่าจ้างผู้ดูแลคนพิการ ในโครงการจ้างเหมาบริการตามมาตรา 35 คนละกว่า 100,000 บาทต่อปี หรือเดือนละเกือบ 10,000 บาท ถูกชมรมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญา จ.กาฬสินธุ์ ยักยอกเงินด้วยวิธีให้เปิดบัญชีทำงาน

จากนั้นเก็บบัตรเอทีเอ็มและสมุดบัญชีก่อนจ่ายให้รายเดือนแค่คนละ 2,000-4,000 บาท ขณะที่มีการโอนเงินเข้าจริงเกือบหมื่นบาท เชื่อมีขบวนการสูบเลือดคนพิการแฝงในระดับชมรมถึงระดับสูง เรียกร้องเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ ขณะที่ประธานชมรมฯ ยืนยันความโปร่งใส จ่ายค่าจ้างให้ตามข้อตกลงตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น

ล่าสุดในวันนี้ (14 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวยังติดตามปัญหาการร้องเรียนจาก นางฐานิดา อายุ 46 ปี ชาวบ้าน ต.นิคม อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นผู้ดูแล น.ส.อทิตยา หรือ น้องอี๊ฟ อายุ 17 ปี ลูกสาว ที่มีความพิการทางสติปัญญา
โดย นางฐานิดา นำผู้สื่อข่าวพบ นางราตรี อายุ 66 ปี ซึ่งเป็นผู้ดูแล น.ส.มาลา หรือ น้องบีม อายุ 15 ปี หลานสาว มีความพิการทางสติปัญญา ซึ่ง นางราตรี เป็นหนึ่งในผู้ได้รับสิทธิ์ตามมาตรา 35 เป็นปีที่ 2

นางราตรี กล่าวว่า เมื่อต้นปี 2560 ได้รับการชักชวนจากเครือข่ายชมรมผู้ปกครองคนพิการ จ.กาฬสินธุ์ ให้นำหลานพิการสมัครเข้ารมชมฯ โดยต้องนำหลานเข้ารับการบำบัดที่ชมรมฯ สัปดาห์ละ 3 วัน คือวันจันทร์ วันอังคาร และวันพุธ ซึ่งจะได้ค่าจ้างสัปดาห์ละ 1,000 บาท หากขาดวันใดวันหนึ่งก็จะถูกหักเหลือ 600 บาท ซึ่งตนก็ได้สมัครและมอบสมุดเงินฝากพร้อมบัตรเอทีเอ็ม ไว้ที่ชมรมตามที่ประธานชมรมบอก

สำหรับปีที่ผ่านมาก็จะพาน้องบีมนั่งรถรับจ้างไปเข้าชมรม เพราะปกติอยู่บ้านเลี้ยงหลานพิการคนเดียว ส่วนพ่อแม่น้องบีมและลูกคนอื่นๆ ไปทำงานต่างจังหวัด การเลี้ยงดูน้องบีมจึงตกเป็นภาระของตน และเหตุที่ตัดสินใจไปสมัครเพราะอยากให้น้องบีมได้มีพัฒนาการที่ดีขึ้น

นอกจากนี้ยังจะได้เงินค่าจ้างเพื่อเป็นค่านม และของใช้ส่วนตัวน้องบีมอีกด้วย เฉลี่ยปีที่ผ่านมาได้รับค่าจ้างเป็นเงินสดเดือนละ 4,000 บาท หรือได้รับจริงตลอดปีไม่ถึง 48,000 บาท

นางราตรี ยอมรับว่า ที่ผ่านมาไม่เคยรู้ตัวเลยว่าได้เซ็นสัญญาเป็นลูกจ้างหรือผู้ดูแลคนพิการ ในโครงการจ้างเหมาผู้ดูแลคนพิการ ตามมาตรา 35 ซึ่งจะได้ค่าจ้าง 109,500 บาทต่อปีหรือเดือนละ 9,125 บาท ที่รู้คือพอสิ้นเดือนก็ได้รับเงิน 4,000 บาท หรือหากสัปดาห์ใดไปไม่ครบ 3 วันก็จะถูกหัก 600 บาท

กระทั่งมีข่าวโกงเงินคนจนในหลายจังหวัด และ นางฐานิดา ไปร้องเรียนกับเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ ซึ่งโยงมาถึงชมรมผู้ปกครองคนพิการ จ.กาฬสินธุ์ ตนได้ยินข่าวรู้สึกไม่สบายใจ ในระยะหลังจึงไม่พาน้องบีมไปเข้าชมรมอีก

ล่าสุด เมื่อไม่พาหลานไปเข้าชมรม ประธานชมรมฯก็เอารถมารับตนกับน้องบีมถึงที่บ้าน แต่ตนก็ไม่ยอมไป กระทั่งเมื่อตอนเย็นวันที่ 5 ตุลาคม 2561 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 20.00 น. ประธานชมรมได้มาหาตนที่บ้าน พร้อมนำเอกสารมาด้วยแผ่นหนึ่ง พร้อมบอกให้ตนเซ็นต์รับรองในเอกสารแผ่นนั้น โดยบอกว่าเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2561 ตนพาน้องบีมไปรับยา ช่วยเซ็นรับรองให้หน่อย

ตนเป็นคนแก่ หูตาไม่ดี อ่านหนังสือไม่ออก ก็ยอมเซ็นให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจว่าคงไม่มีปัญหาอะไร แต่ในที่สุดก็พึ่งรู้ว่ามีพฤติกรรมไม่โปร่งใส หลอกให้เซ็นต์รับรองสัญญารับข้อตกลงให้หักค่าแรงเหลือเดือนละ 4,000 บาท ซึ่งเป็นการเซ็นต์เอกสารที่ประธานชมรมแต่งขึ้นมาใหม่ หลังมีข่าวนางฐานิดาไปร้องเรียน

ทางด้าน นางฐานิดา ผู้ดูแลน้องอี๊ฟ ลูกสาววัย 17 ปี พิการทางสติปัญญา ผู้ร้องเรียนกล่าวว่า จากการตรวจดูเอกสารฉบับที่นางราตรีเซ็น พบพิรุธอย่างชัดเจน เพราะเท่าที่ตนทราบและสอบถามนางราตรี ที่เป็นผู้ดูแลคนพิการ ตามโครงการจ้างเหมาบริการ มาตรา 35 ด้วยกัน ยืนยันว่าไม่เคยได้รับฟังคำชี้แจงหรือรู้รายละเอียดในสัญญาที่ทำกับบริษัทในฐานะผู้ว่าจ้าง กับผู้ได้รับสิทธิ์ มาตรา 35 ในฐานะผู้รับจ้าง

รวมทั้งความชัดเจนในเรื่องค่าจ้างเลย รู้แค่ว่าประธานชมรมแนะนำให้ไปเปิดบัญชี แล้วให้นำสมุดเงินฝากและบัตรเอทีเอ็มมาเก็บไว้ที่ชมรม โดยได้รับค่าจ้างเดือนละ 2,000 -4,000 บาทเท่านั้น ส่วนรายละเอียดอื่นๆ มารู้หลังจากร้องเรียนกับเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ

จากที่เห็นเป็นพิรุธ ขัดต่อคำตอบของประธานชมรมว่ามีการทำความเข้าใจก่อนทำสัญญา ซึ่งในช่วงนั้นน่าจะเป็นราวเดือนมกราคม 2561 แต่วันที่ที่ระบุในหนังสือฉบับที่นำมาให้นางราตรีเซ็น กลับลงวันที่ 20 กันยายน 2561 หลังจากที่มีหลักฐานสัญญาที่ระบุไว้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2561 นานถึง 8 เดือน

และนอกจากนี้ ชื่อบุคคลที่ลงชื่อรับรองในชุดเดียวกับนางราตรี ซึ่งหมายถึงผู้ได้รับสิทธิ์ตามมาตรา 35 ตามโควตาของบริษัทดังกล่าวปีละ 10 คน กลับไม่มีชื่อของตน คือ นางฐานิดา ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้รับจ้างนั้น แต่กลับมีชื่อคนอื่นแทน อย่างนี้จะเกิดความโปร่งใสได้อย่างไร

หลังจากนี้จะเดินหน้าเรียกร้องภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบ เพื่อคืนสิทธิ์และความชอบธรรมให้ผู้ดูแลคนพิการ ที่เงินค่าจ้างตามโครงการจ้างเหมาบริการดูแลคนพิการ ตามมาตรา 35 ถูกยักยอกไป 2 ปี ว่าไปอยู่ในกระเป๋าของใคร

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
กำลังโหลดข้อมูล