บุกสำนักสงฆ์ชื่อดัง! จับพระใช้ผ้าเหลืองบังหน้า ขนยาไอซ์ซุกกระบะ 280 กก. แต่ไหวตัวทัน

วันที่ 25 ก.ย. 61 ภายใต้การนำของพลตรีสุขพัฒน์สณท์ สุขสร้อย ผบ.มณฑลทหารบกที่ 29 สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ เพื่อวางแผนเข้าจับกุมพระโจ หรือนายชัยวุฒิ อายุ 45 ปี ตามหมายจับศาล จ.สตูล คดีอาญา วันที่ 24 ก.ย. 61
ซึ่งแกะรอยได้จากภาพกล้องวงจรปิดในคดียาเสพติดรถกระบะอีซูซุ D-MAX สีเทา ทะเบียน ตส 1019 กทม. ซุกซ่อนยาไอซ์หนัก 280 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท จอดทิ้งไว้บริเวณสวนยางพารา ต.นิคมพัฒนา อ.มะนัง จ.สตูล เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 ก.ย. 61
โดยพบว่า พระโจ หรือนายชัยวุฒิ บวชเป็นพระอยู่ที่สำนักสงฆ์สุนันทาวราราม บ้านโคกแก้ว ต.นาแก้ว อ.โพนนาแก้ว จ.สกลนคร ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงเดินทางไปยังสำนักสงฆ์สุนันทาวราราม เมื่อไปถึงได้วางกำลังปิดล้อม และแสดงหมายจับเข้าตรวจสอบแต่ไม่พบตัวบุคคลตามหมายจับ พบแต่เพียงพระจำวัดอยู่ 3 รูป
สอบถามได้ความว่าพระโจและเจ้าอาวาสวัด ได้ออกเดินทางไปจากวัดตั้งแต่เวลา 03.00 น. ของวันที่ 20 ก.ย. 61 โดยบอกว่าจะไป จ.กาญจนบุรี และไม่บอกเวลากลับ ซึ่งคาดว่าจะไหวตัวทัน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานจึงเข้าเก็บหลักฐานภายในกุฏิพระโจซึ่งตั้งอยู่กลางน้ำ และกุฏิเจ้าอาวาสวัดที่อยู่ใกล้กัน
ภายในบริเวณโรงผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์พบมีแผ่นยางรองพื้นรถกระบะฝาครอบประตูรถ 2 ข้าง วางไว้อยู่ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานไปตรวจสอบว่าใช่ชิ้นส่วนเดียวกันกับรถที่ใช้ลำเลียงสิ่งผิดกฎหมายหรือไม่
เจ้าหน้าที่ได้สอบถามพระลูกวัดบอกว่า ตนมาบวชที่วัดแห่งนี้ยังไม่ถึง 1 พรรษา ก่อนหน้านี้มีพระจำวัดทั้งหมด 5 รูป ตอนนี้เหลือ 3 รูป ในช่วงประมาณวันที่ 15 ก.ย. ตนเห็นเจ้าอาวาส และพระโจ แต่งรถที่บริเวณโรงผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์
โดยรถดังกล่าวเป็นกระบะยี่ห้ออีซูซุ รุ่น D-MAX สีเทา ทะเบียน ตส 1019 กทม. โดยการถอดแมคไลท์เนอร์หลังกระบะออก แล้วนำยาไอซ์มาซุกซ่อน พร้อมใช้พริกและกระเทียมที่บรรจุถุงวางทับเพื่อกลบเกลื่อนพร้อมเดินทางไปยังจังหวัดสตูล พร้อมกับถอดสบงจีวรออกใส่ชุดฆราวาสสวมหมวกปิดใบหน้า โดยเดินทางในช่วงวันที่ 16 ก.ย. 61
จากนั้นเมื่อพระโจกลับมาวัด ในตอนเช้าวันที่ 19 ก.ย. 61 พระทั้งหมด 5 รูป ยังออกไปบิณฑบาตด้วยกัน จนในช่วงดึกวันที่ 20 ก.ย. 61 พระโจและเจ้าอาวาสใช้รถเก๋ง 2 คัน ขับออกจากวัดไป และพึ่งมาทราบว่าพระโจถูกออกหมายจับในคดียาเสพติด และขอปฏิเสธรู้เห็นในเรื่องนี้แต่ยินดีให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่
เจ้าหน้าที่จึงขอตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์พร้อมบันทึกเอกสารรายชื่อพระที่จำวัดอยู่ไว้เป็นหลักฐาน และกระจายกำลังตรวจสอบภายในสำนักสงฆ์ฯ ในเนื้อที่ ประมาณ 10 ไร่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใดๆ
อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่าเหตุใดที่วัดแห่งนี้มีศาลาการเปรียญขนาดใหญ่สร้างด้วยไม้มูลค่ามากกว่า 10 ล้าน มีกุฏิพระภิกษุสงฆ์ 8 หลัง โดยมีการสร้างกำแพงรั้วรอบขอบชิด และประตูเข้าออกอย่างแน่นหนาหากมองผิวเผินจะไม่ทราบว่าเป็นวัด และคนส่วนใหญ่ในละแวกนั้นไม่ทราบเช่นกันว่ามีวัดอยู่ ส่วนมากคนมาทำบุญจะมาจากที่อื่น
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะขยายผลตรวจสอบที่มาที่ไปของวัดและเร่งติดตามตัว นายชัยวุฒิ มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งคาดว่าจะทำเป็นกระบวนการโดยใช้ผ้าเหลืองบังหน้า