วงจรปิดมัดตัว สาวเสิร์ฟยอมรับเป็นนางนกต่อ ช่วยเพื่อนปล้นนักดนตรี

วงจรปิดมัดตัว สาวเสิร์ฟยอมรับเป็นนางนกต่อ ช่วยเพื่อนปล้นนักดนตรี

วงจรปิดมัดตัว สาวเสิร์ฟยอมรับเป็นนางนกต่อ ช่วยเพื่อนปล้นนักดนตรี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(25 ก.ย.) เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา พล.ต.ต.สุศักดิ์ ปรักกมะกุล ผบก.ภ.จ.นนทบุรี พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ เที่ยงกมล ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสภ.รัตนาธิเบศร์ ร่วมกันจับกุมตัว น.ส.วิลาสินี อายุ 21 ปี และ นายศุภณัฐ อายุ 20 ปี พร้อมของกลางอาวุธมีปลายแหลมยาว 2 เล่ม ที่ใช้ในการก่อเหตุ โทรศัพท์มือ 4 เครื่อง สร้อยคอทองคำหนัก 2 บาทสภาพขาด 1 เส้น พระเลียมทอง 1 องค์ เงินสด 600 บาท

พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาว่าร่วมกันชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธมีด เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กาย โดยสามารถขับกุมตัวได้ที่ร้านอาหารครัวร้อยล้าน ถ.สามัคคี ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี

สืบเนื่องจากเมื่อวานนี้ (24 ก.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจาก นายเกษม อายุ 67 ปี นักดนตรีร้านอาหารครัวร้อยล้าน ระบุว่ามีคนร้ายเป็นชายวัยรุ่นสวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบ ใช้อาวุธมีดจี้ชิงทรัพย์ก่อนใช้อาวุธมีดฟันที่บริเวณหัวไหล่ขวา 1 แผล นิ้วโป้งซ้ายถูกอาวุธมีดบาดได้รับบาดเจ็บ

ขณะกำลังจอดรถรอรับเพื่อนร่วมงานที่ขอติดรถไปทำงานที่ร้านอาหาร ภายในลานจอดรถวัดบัวขวัญ ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี ก่อนที่คนร้ายได้ทรัพย์สินเป็นสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาทพร้อมพระเลี่ยมทอง 1 องค์ โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง เงินสด 600 บาท ก่อนจะเดินหลบหนีไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

หลังรับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่เกิดเหตุสอบปากคำผู้เสียหายและพยานที่เห็นเหตุการณ์ จนทราบว่าผู้เสียหายจะมาจอดรถนอนที่ลานจอดรถของวัดเป็นประจำในเวลา 14.00 น. ก่อนไปเล่นดนตรีที่ร้านอาหารเวลา 16.00 น.

แต่วันเกิดเหตุน.ส.วิลาสินี ที่เพิ่งเข้าทำงานเป็นพนักงานเสริฟท์ร้านอาหารที่เดียวกับผู้เสียหายไดประมาณเดือนเศษ ได้โทรศัพท์เข้ามาหาผู้เสียหายว่าให้รอจะขอติดรถไปทำงานด้วย พร้อมบอกให้ผู้เสียหายเปิดกระจกรถเอาไว้ทั้ง 2 ประตู

เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ น.ส.วิลาสินี ได้โทรศัพท์บอกให้นายศุภณัฐเข้ามาก่อเหตุใช้อาวุธมีดจี้ชิงทรัพย์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำกำลังเข้าจับกุมตัว น.ส.วิลาสินี ได้ที่ร้านอาหาร ขณะกำลังทำงานตามปกติ ก่อนควบคุมตัวมาสอบสวนต่อที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ เบื้องต้นให้การปฏิเสธ

แต่ปรากฏว่ามีภาพหลักฐานจากกล้องวงจรปิดมาช่วยสนับสนุนยืนยัน ทำให้ น.ส.วิลาสินี ยอมให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมมือกับนายศุภณัฐ เพื่อนชายคนสนิทก่อเหตุชิงทรัพย์นายเกษมจริง โดยทำทีโทรศัพท์ไปหานายเกษมให้รอเพื่อขอติดรถไปทำงานด้วย

เมื่อนายเกษมหลงเชื่อจอดรถรอตน จึงโทรศัพท์บอกให้นายศุภณัฐเข้ามาลงมือก่อเหตุดังกล่าว ส่วนทรัพย์สินที่ได้นั้น นายศุภณัฐนำมาให้ตนเก็บไว้ แต่ยังไม่ทันได้แบ่งก็มาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้เสียก่อน ส่วนสาเหตุในการก่อเหตุเพราะต้องการนำเงินไปใช้จ่ายส่วนตัว

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าจับกุมตัว นายศุภณัฐ ได้ที่ห้องเช่าภายในซอยงามวงศ์วาน 23 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook