กัมพูชา "โรคใบด่างมันสำปะหลัง" ระบาดหนัก เกษตรสุรินทร์สั่งเข้มนำเข้า ป้องกันการแพร่ระบาด

โรคใบด่างมันสำปะหลัง ระบาดหนักที่กัมพูชา เกษตร จ.สุรินทร์ สั่งเข้มชายแดนป้องกันการนำเข้าต้นมันสำปะหลังและใบที่เล็ดลอดเข้ามากับหัวมันนำเข้า เผยที่กัมพูชาระบาดเป็นแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
วันที่ 12 ก.ย. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้พืชเกษตร โดยเฉพาะมันสำปะหลังด้านฝั่งประเทศกัมพูชา กำลังประสบปัญหาการระบาดของ "โรคใบด่างต้นมันสำปะหลัง"
ทำให้เกษตรจังหวัดสุรินทร์ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ด่านตรวจพืชของ สนง.เกษตรจังหวัดสุรินทร์ เข้มงวดในการตรวจตราการนำเข้ามันสำปะหลัง โดยเฉพาะต้นมันสำปะหลังและใบมันสำปะหลัง ที่อาจมีการเล็ดลอดและติดเข้ามากับหัวมันสำปะหลัง
ระหว่างการเคลื่อนย้ายและบรรทุกนำเข้าหัวมันสำปะหลังจากประเทศกัมพูชา เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคใบด่างมันสำปะหลังเข้ามาสู่ประเทศไทย ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับพืชเศรษฐกิจอย่างมันสำปะหลังของเกษตรกรไทย
พร้อมยังได้ประสานความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายความมั่นคงตามแนวชายแดนไทยกัมพูชาด้าน จ.สุรินทร์ โดยเฉพาะที่บริเวณประตูด่านผ่านแดน จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์
ซึ่งตลอดทั้งวันพบว่ามีผู้ประกอบการได้มีการบรรทุกหัวมันสำปะหลังด้วยรถพ่วง ข้ามแดนเข้ามายังฝั่งไทยอยู่เป็นระยะๆ แต่ไม่พบว่ามีต้นมันหรือใบมันสำปะหลังติดมาหรือเล็ดลอดมาแต่อย่างใด
ว่าที่ร้อยตรีนรินทร์ แขมพิมาย เกษตรจังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า ในส่วนของ จ.สุรินทร์ ตอนนี้เราได้รับรายงานจากส่วนกลางว่า กัมพูชามีการระบาดของโรคใบด่างของมันสำปะหลัง ก็ได้มีการประสานกับกองกำลังสุรนารีว่า ให้ช่วยดูต้นพันธุ์หรือกิ่งพันธุ์ที่มาจากกัมพูชานิดหนึ่ง กลัวจะแพร่เข้ามา
โดยเฉพาะเขตชายแดนเราที่มีพื้นที่ติดกับประเทศกัมพูชาที่กำลังมีการระบาด ไม่ว่าจะเป็น จ.ศรีสะเกษ และจ.สระแก้ว วึ่งมีพื้นที่ติดแนวชายแดนเดียวกันก็ควรระวัง ตอนนี้ที่ทางส่วนกลางเตือนมา
ในฐานะที่ตนเป็น CEO หัวหน้าปฏิบัติการในส่วนเกษตรจังหวัด ในเรื่องคณะทำงานแก้ไขปัญหาด้านการเกษตร ในการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล 15 เรื่อง ได้มีการประสานศูนย์วิจัย ช่วยกันดำเนินการและดูแล และตอนนี้ยังไม่พบการระบาดในบ้านเรา
ในขณะเดียวกันสำนักงานเกษตรจังหวัดได้มอบให้กลุ่มอารักขาโรค ในเรื่องของการเตรียมใช้สารชีวะพันธุ์ ที่มีการให้ความรู้กับเกษตรกรในพื้นที่แล้ว หากพบจุดที่มีการระบาดของโรค ก็จะประสานขอสนับสนุนจากส่วนกลาง คือศูนย์อารักขาพืช
เพราะทางสำนักงานเกษตรจังหวัดไม่มีงบฯ และไม่มีเชื้อหรือสารมาฉีดพ่นให้ นี่คือข้อจำกัดของสำนักงานเกษตรจังหวัด ถ้าหากเรามีห้องแล็บหรือทดลองเป็นของเราเอง
แล้วก็มีงบฯ ที่จะมาเป็นทุนสำรองเพาะเชื้อ ซึ่งต้องเลี้ยงไว้ตลอด จากนั้นถึงนำไปฉีดพ่นได้ เพราะไม่ใช่สารเคมีที่บรรจุใส่ขวดที่นำไปใช้ได้เลย เกษตรจังหวัดสุรินทร์กล่าว
จากรายงานข่าวระบุว่า สำหรับโรคใบด่างมันสำปะหลังเป็นโรคที่ไม่เคยพบในประเทศไทยมาก่อน พึ่งพบการระบาดที่ประเทศกัมพูชา นับเป็นพื้นที่ที่พบการระบาดของโรคดังกล่าวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หากมีการแพร่ระบาดมายังประเทศไทยจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างกว้างขวาง
ทั้งนี้โรคใบด่างมันสำปะหลังมีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัส Cassava mosaic virus โดยมีแมลงหวี่ขาวเป็นตัวพาหะนำโรคและแพร่กระจายไปกับท่อนพันธุ์ที่เป็นโรค ลักษณะอาการ พืชที่แสดงอาการใบด่างเหลือง ใบเสียรูปทรง ยอดที่แตกใหม่ จะแสดงอาการด่างเหลือง ลำต้นแคระแกร็น
หากระบาดมากผลผลิตจะเสียหาย 80-100 เปอร์เซ็นต์ สำหรับการป้องกันสามารถดำเนินการได้ ดังนี้ ห้ามนำเข้าท่อนพันธุ์จากต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน ท่อนพันธุ์ที่นำมาปลูกจะต้องปราศจากเพลี้ยแป้งและแมลงหวี่ขาว
หากพบการระบาดจะต้องทำลายต้นมันสำปะหลังทิ้งอย่างสิ้นซาก เนื่องจากโรคนี้มีสาเหตุจากเชื้อไวรัส การควบคุมโดยใช้สารเคมีจึงควบคุมได้ยาก ทางที่ดีจะต้องควบคุมแมลงหวี่ขาวซึ่งเป็นพาหะนำโรค โดยปล่อยแมลงช้างปีกใส อัตรา 100 ตัวต่อไร่ พ่นเชื้อราบิวเวอร์เรีย อัตรา 1 กิโลกรัมต่อน้ำ 20 ลิตร
เมื่อระบาดรุนแรงใช้สารกำจัดแมลงคาร์โบซัลแฟน อิมิดาคลอพริด เฟนโพรทาทริน ไบเฟนทริน ฟิโปรนิล อย่างใดอย่างหนึ่ง อัตราตามคำแนะนำในฉลาก หรือควรมีการปลูกพืชหมุนเวียนเพื่อลดการระบาดของโรค
อัลบั้มภาพ 8 ภาพ