สาวรถ “ปาเจโร่” มึน-เจอใบสั่ง 3 ครั้งซ้อนทั้งที่ไม่เคยขับในพื้นที่ คาดถูกปลอมทะเบียน
( 7 ก.ย. 61 ) นางพรกมล อายุ 43 ปี เจ้าของร้านอาหารสัตว์ “สงวนพันธ์” ในพื้นที่ ต.ทับปุด อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา นำเอกสารหลักฐานเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานสอบสวน สภ.ทับปุด จ.พังงา
ว่า ตนเองเป็นเจ้าของรถยนต์มิตซูบิชิ รุ่น ปาเจโร่ สีขาว ทะเบียน ฆร 6181 กรุงเทพฯ มีใบสั่งจากตำรวจทางหลวงในแต่ละพื้นที่ส่งไปรษณีย์ มาที่อยู่ของตนเองแจ้งให้ชำระค่าปรับในการกระทำผิด พ.ร.บ.จราจรทางบก จำนวน 3 ครั้ง ในข้อกล่าวหาว่า ขับรถเร็วเกินกำหนดตามกฎหมาย
โดยในครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2561 เวลา 15.29 น. ความเร็ว 124 กม./ชม. ได้กระทำผิดขับรถเร็วเกินกำหนด สถานที่ทำผิด พื้นที่ อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์
ส่วนอีก 2 ใบ วันเดียวกันคือวันที่ 20 สิงหาคม 2561 เวลา 08.43 น. อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ความเร็ว 124 กม./ชม. และ เวลา 10.13 น. อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ความเร็ว 145 กม./ชม. พร้อมให้ติดต่อจ่ายค่าปรับครั้งละ 500 บาท
ทำให้ตนเองแจ้งเจ้าหน้าที่ว่า ตามวันเวลาสถานที่ระบุตนเองไม่ได้ไปในสถานที่ดังกล่าวทั้ง 3 ครั้ง จึงเกรงว่าจะถูกสวมทะเบียนรถ ขณะที่รูปรถยนต์ในใบสั่งเป็นรูปรถยนต์มิตซุบิชิ รุ่นปาเจโร่ สีขาว ทะเบียน ฆร 6181 กรุงเทพฯ เช่นเดียวกันจริง แต่บริเวณกระจังหน้ารถยนต์ที่อยู่ในใบสั่งที่ส่งมามีลักษณะเป็นซี่แนวยืน
แต่รถยนต์ของตนเองซึ่งเป็นรุ่นเดียวกัน สีเดียวกัน ทะเบียนเหมือนกัน แต่กระจังหน้าเป็นแนวนอน โดยเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นรถยนต์คนละคันกันอย่างแน่นอน จึงมั่นใจว่าทะเบียนรถถูกสวมจากรถคันอื่น
ด้านเจ้าหน้าที่ขนส่งจังหวัดพังงาแนะนำให้เจ้าของรถยนต์ที่เกิดเหตุแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เกิดเหตุแต่ละพื้นที่เพื่อตรวจสอบรถยนต์คันที่ถูกอ้างว่ามีการสวมทะเบียน หรือแจ้งเปลี่ยนทะเบียนรถเพื่อตัดความยุ่งยาก
ทางนางพรกมล เจ้าของร้านอาหารสัตว์ สงวนพันธ์ กล่าวว่า ขณะที่ใบสั่งของตำรวจทางหลวงมาครั้งแรกรู้สึกแปลกใจว่าตนเองไม่ได้เดินทางผ่านพื้นที่ อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ จึงเข้าแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทับปุด โดยติดต่อไปยัง ตำรวจทางหลวงผู้ออกใบสั่ง
เมื่ออธิบายต่อหน้าพนักงานสอบสวน สภ.ทับปุด ชัดเจนเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง จึงแจ้งว่าไม่ต้องจ่ายค่าปรับ แต่เมื่อเกิดเหตุซ้ำอีก ซึ่งในคราวเดียวกันวันเดียวกันมีการกระทำความผิดถึง 2 ครั้ง ต่างพื้นที่ จึงนิ่งนอนใจไม่ได้ตัดสินใจเข้าแจ้งความ เนื่องจากไม่สบายใจว่า ต้องผวากับใบสั่งอีกกี่ครั้ง และหลังจากนี้ โดยต้องการให้เจ้าหน้าที่ขนส่งดำเนินการตรวจสอบรถยนต์ทะเบียนที่เหมือนกับตนเอง
ด้านนายนเรศวร์ (อ่านว่า นะ-เรด) นักวิชาการขนส่งชำนาญการพิเศษ สำนักงานขนส่งจังหวัดพังงา กล่าวว่า ลักษณะดังกล่าวเหมือนถูกสวมทะเบียนรถ จึงควรแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ที่เจ้าของรถยนต์ เพื่อป้องกันสิทธิ์และสงวนสิทธิ์ และเพื่อยืนยันความโปร่งใสของตนเอง
แต่ถ้าดำเนินการให้ดีกว่านั้น คือ เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงที่ออกหนังสือและใบสั่งมา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลยืนยันกับกรมการขนส่งทางบก เพื่อให้ข้อมูลตรงกันว่า ทะเบียนรถใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง
หรือสอบถามไปยังสำนักงานขนส่งเขตกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ออกป้ายทะเบียนของรถคันดังกล่าว หรือหากไม่สบายใจก็สามารถติดต่อสำนักงานขนส่งจังหวัดเพื่อขอเปลี่ยนทะเบียนรถ แต่ฐานข้อมูลยังคงเหมือนเดิม