เจ๊บ่อปลาผงะ-พบศพชายคนรู้จักนอนตัวแข็ง แขนขามีรอยไหม้ ตร.คาดถูกไฟฟ้าช็อต

( 4 ก.ย. 61 ) ร.ต.อ.ไชยสิทธิ์ ขัดผาบ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองปทุมธานี ได้รับแจ้งจาก ผญบ.ม.5 ต.บางหลวง อ.เมืองปทุมธานี ว่ามีเหตุผู้เสียชีวิตข้างบ่อปลาใกล้บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.บางหลวง อ.เมืองปทุมธานี หลังรับแจ้งจึงรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วยกำลังชุดสืบสวนแพทย์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ในที่เกิดเหตุบริเวณข้างบ่อปลาด้านฝั่งทิศเหนือ พบศพ นายบุญรวม อายุ 36 ปี บ้านเดิมอยู่ที่ ต.พญาวัง อ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ นอนหงายศีรษะซึ่งมีไฟฉายแบบสวมหัวติดคาอยู่ติดขอบบ่อ ส่วนลำตัวและขาพาดอยู่บนฝั่ง ชันสูตรเบื้องต้นพบว่ามีร่องรอยบาดแผลคล้ายถูกไฟช็อตที่มือซ้ายและน่องซ้าย และจากการตรวจสอบรอบบ่อไม่พบสายไฟล้อมบ่อ มีเพียงสายไฟที่โยงมาจากบ้านพักซึ่งปลายสายเหลือประมาณ 2 เมตร วางขดอยู่บริเวณบนเนินดินขอบบ่อฝั่งทิศใต้
เจ้าหน้าที่จึงทำการถ่ายบันทึกไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้ริมถนนห่างจากศพเล็กน้อยพบรถ จยย.ฮอนด้า รุ่นคลิก สีขาวดำ ของผู้ตายจอดอยู่ โดยมีกระชังปลา มีปลาช่องจำนวนหนึ่งแขวนอยู่ พร้อมกับฉมวกวางอยู่
นายสำอางค์ อายุ 67 ปี เจ้าของบ่อปลา ให้การว่า ช่วงเช้าตนกำลังเดินออกมาเพื่อให้อาหารปลาดุกที่เลี้ยงไว้ในบ่อ จู่ๆ ก็เหลือบไปเห็นคนนอนข้างบ่อปลา จึงรีบเดินไปดูพบว่า เป็นนายบุญรวม ซึ่งรู้จักกันเพราะเคยมาทำงานแถวบ้าน ก่อนที่จะปลุกแต่เห็นว่าตัวแข็งแล้วจึงแจ้ง ผญบ.และประสานตำรวจมาตรวจสอบ
ส่วนสาเหตุที่พบว่า มือและน่องผู้ตายมีลักษณะคล้ายถูกไฟดูดนั้นตนไม่ทราบเพราะที่บ่อไม่ได้มีการกั้นสายไฟหรือดักไฟกันขโมยปลาแต่อย่างใด
น.ส.เปชา อายุ 44 ปี ภรรยาผู้ตายซึ่งเดินทางมาที่เกิดเหตุ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ ( 3 ก.ย. ) ขณะที่ตนทำงานอยู่ ได้โทรศัพท์คุยกับสามีเกี่ยวกับเรื่องกุญแจรถยนต์กระบะหาย ซึ่งสามีก็บอกว่า จะไปเดินตามหาบริเวณที่เขาได้ออกไปหากบหาปลา เพราะคาดว่า อาจจะทำหล่น ก่อนที่จะขับ รถ จยย.ออกมา แต่ตนไม่ทราบว่า ออกมาจากบ้านไปเวลาไหนและหลังเลิกงานตอนเช้าตนกลับมาบ้านไม่พบสามี จึงพยายามโทรติดต่อก็ไม่รับสาย จนกระทั่งมีเพื่อนบ้านมาบอกว่า สามีตนเสียชีวิตบริเวณดังกล่าว
ร.ต.อ.ไชยสิทธิ์ ขัดผาบ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองปทุมธานี กล่าวว่า จากการชันสูตรของแพทย์ระบุว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 6 ชม. อย่างไรก็ตามได้เชิญตัวเจ้าของบ่อปลาไปสอบปากคำพร้อมให้อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งนำร่างผู้เสียชีวิตส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป