ผู้การสุราษฎร์ฯ ลงพื้นที่เกาะเต่า ค้นหาความจริง ข่าวแหม่มอังกฤษถูกข่มขืน
วันที่ 27 ส.ค.61 พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย พ.ต.เกรียงไกร ศรีรักษ์ เสนาธิการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาคที่ 4
ลงพื้นที่หาดทรายรี ม.1 ต.เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อตรวจสอบเหตุที่มีสาวชาวอังกฤษ ให้ข้อมูลกับสื่อต่างชาติว่าตนเองถูกวางยา ก่อนที่จะมีชายชาวเอเชียลงมือข่มขืน บริเวณชายหาดทรายรี แห่งนี้ เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.61 ที่ผ่านมา
โดยในวันนี้ทางด้าน พล.ต.ต.อภิชาติ พร้อมเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปตรวจสอบ ที่ร้านลีโอบาร์ ที่ตั้งอยู่ริมชายหาดทรายรี ที่ผู้เสียหายระบุว่าถูกวางยาที่ร้านดังกล่าว และตรวจสอบกล้องวงจรปิดในร้าน และเส้นทางเดินตลอดแนวชายหาดทรายรี
พบว่าตลอดแนวชายหาดทรายรี มีกล้องวงจรปิดทั้งหมด 7 ตัว ทุกกล้องสามารถใช้งานได้ตามปกติ ร่วมถึงในร้านลีโอผับ แต่ทางผู้ประกอบการที่มีกล้องวงจรปิดระบุว่ากล้องทุกตัวจะสามารถบันทึกภาพได้เพียง 1 สัปดาห์ ตามวงรอบของการบันทึกภาพ
ซึ่งหลังทราบว่าแหม่มสาวชาวอังกฤษ ถูกข่มขืนเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.เมื่อมาตรวจสอบภาพในกล้องวงจรปิด กล้องทุกตัวก็ได้บันทึกภาพก่อนหน้านี้ไปแล้ว จึงไม่มีภาพจากกล้องวงจรปิดในวันเกิดเหตุ
ขณะที่ทางด้านผู้ประกอบการที่พักที่ผู้เสียหายชาวอังกฤษ เข้าพักกับเพื่อน เปิดเผยว่า ในวันที่ 26 มิ.ย. ตนเองได้นัดกับผู้เสียหายหน้า ฟิตโบนบาร์ แต่ผู้เสียหายกับเพื่อนได้เดินทางมาก่อนแล้ว ก็ไม่พบแหม่มสาวกับเพื่อนที่หน้าร้านดังกล่าว
แต่ทราบว่าแหม่มสาวกับเพื่อนไม่ได้นั่งที่ร้านลีโอผับ แต่ได้ซื่อเครื่องดื่มใส่ถังไปนั่งดื่มกันกับกลุ่มที่บริเวณชายหาด ซึ่งอยู่ห่างจากร้านไม่มากนัก จากนั้นก็ได้พบกับแหม่มสาวอีกครั้งในช่วงเช้า
โดยแหม่มสาวบอกกับตนว่า เมื่อคืนถูกวางยาและโดนข่มขืน ตนจึงแนะนำให้ แหม่มสาวไปแจ้งความ แต่แหม่มสาวกับบอกว่า จะรีบไปเกาะพะงันกับเพื่อน เพื่อไปเที่ยวที่เกาะพะงันต่อ
ก่อนที่แหม่มสาวจะไปแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.เกาะพะงัน ว่าทรัพย์สินสูญหาย อย่างไรก็ตามทางด้าน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้สั่งการให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เร่งสืบหาข้อมูลเหตุการณ์ดังกล่าว ให้ได้มากที่สุด โดยมีการตั้งชุดเฉพาะกิจขึ้นมา เพื่อคลี่คลายในเรื่องนี้