คุมตัวดาราหนุ่ม “บูม จิรัชพิสิษฐ์” ฝากขัง-ค้านประกัน

คุมตัวดาราหนุ่ม “บูม จิรัชพิสิษฐ์” ฝากขัง-ค้านประกัน

คุมตัวดาราหนุ่ม “บูม จิรัชพิสิษฐ์” ฝากขัง-ค้านประกัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กองปราบคุมนักแสดงหนุ่ม "บูม จิรัชพิสิษฐ์" ฝากขังศาล หลังร่วมพี่น้องหลอกนักต่างชาติลงทุนสูญเงินหลายร้อยล้าน ญาติยื่นขอประกันตัว ขณะที่พี่สาวติดต่อขอมอบตัว

พนักงานสอบสวนกองปราบปราม คุมตัว บูม จิรัชพิสิษฐ์ นักแสดงวัยรุ่น ผู้ต้องหาตามหมายจับ ฐานร่วมกันฟอกเงิน มาขออำนาจศาลอาญารัชดาฝากขังผัดแรก จากกรณีร่วมกับ นายปริญญา และ นางสาว สุพิชย์ฌา จารวิจิต พี่ชายและพี่สาว หลอกลวงนักลงทุนชาวต่างชาติ ให้ร่วมลงทุน เหรียญ bitcoin ในประเทศไทย สร้างความเสียหายหลาย 100 ล้านบาท แต่เบื้องต้น นายจิรัชพิสิษฐ์ นักแสดงหนุ่ม ยังให้การปฏิเสธ

ทั้งนี้ ขณะที่พนักงานสอบสวนควบคุมตัว นายจิรัชพิสิษฐ์ มีสีหน้าอิดโรยเล็กน้อย สวมหมวกและแว่นตา เดินก้มหน้า ก่อนถูกนำตัวไปตรวจประวัติ พิมพ์มือ บริเวณห้องเวรใต้ถุนศาล

สำหรับคดีนี้ชั้นพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง และมูลค่าความเสียหายสูง เกรงว่าผู้จะหลบหนี ส่วนญาติได้เดินทางมาศาลพร้อมยื่นหลักทรัพย์ ขอปล่อยชั่วคราว ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล

ขณะที่ พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบปราม ระบุถึงกรณีการจับกุม นาย จิรัชพิสิษฐ์ ที่ถูกออกหมายจับฐานฟอกเงินร่วมกับ นายปริญญา และ นางสาวสุพิชย์ฌา พี่ชายและพี่สาว ว่าสำหรับตัวนางสาวสุพิชย์ฌา ที่เบื้องต้นได้มีการประสานผ่านคนกลางมาเพื่อขอเข้ามอบตัว ล่าสุด แต่ยังไม่ได้มีการระบุวันเวลาสถานที่ในการเข้ามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ และสำหรับตัวนางสาวสุพิชย์ฌา ยังไม่พบข้อมูลว่ามีการหลบหนีออกนอกประทศ

ทั้งนี้จากการสืบสวน คาดว่าจะสามารถออกหมายจับผู้ร่วมขบวนเพิ่มอีกประมาณ 5-6 คน ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ ส่วนนายประสิทธิ์ บุคคลที่มีชื่อเสียงในตลาดหลักทรัพย์ ที่เข้ามาพบ รองผู้บังคับการปราบปราม เพื่อเข้าชี้แจ้งอ้างว่าตนเองตกเป็นเหยื่อของขบวนการนี้เช่นเดียวกัน แต่จากการสืบสวน รวบรวมหลักฐานเจ้าหน้าที่ตำรวจพบข้อมูลที่เชื่อได้ว่านายประสิทธิ์ อาจจะมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้อง ขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน

นอกจากนั้น จากการตรวจสอบ 3 บริษัท ที่มีการเปิดทั้งในประเทศไทยและฮ่องกง ยังพบว่านายปริญญา (พี่ชาย) เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทดังกล่าว และจากการตรวจสอบทะเบียนการค้าทั้งสามบริษัท พบว่ามีคนในตระกูลจารวิจิต เข้าร่วมมีส่วน และบางบริษัทที่มีการแอบอ้างกับผู้เสียหายไม่มีตัวตนจริง นอกจากนี้ยังมีบริษัทอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายดังกล่าวอีกหลายบริษัท ซึ่งตำรวจกองปราบปรามอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐาน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook