ระทึก! รถขนเงินนับร้อยล้านเสยบรรทุกพ่วงเลี้ยวตัดหน้า ตร.เร่งนำเงินเก็บในที่ปลอดภัย

( 7 ส.ค. 61 )  ในขณะที่ ดต.อรรณพ เทพณรงค์ ดต.ใจเทพ สาลี ตร.ทล.หลังสวน จ.ชุมพร พร้อมด้วยรถตรวจการณ์ทางหลวง 2413 ตรวจมาถึงบริเวณ หลัก กม.58 ถนนเอเซีย 41 ขาขึ้น กทม. หมู่ที่ 3 ต.นาขา อ.หลังสวน จ.ชุมพร พบอุบัติเหตุ รถขนเงิน  2 คัน ชนกับรถพ่วงบรรทุก 18 ล้อ จึงแจ้ง ร.ต.อ.นภัทร์  ดวงสถิตย์  พงส.สภ.บ้านในหูต นำกำลังตำรวจรุดตรวจสอบที่เกิดเหตุ

โดยที่เกิดเหตุในช่องการจราจรด้านซ้าย ทางเข้าแผงทุเรียนริมถนนเอเซีย 41 พบ รถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ ยี่ห้อ ฮีโน่ ทะเบียน 70-8141 เชียงราย อยู่ในลักษณะเลี้ยวไปในถนนทางเข้าล้งขนถ่ายทุเรียน ส่วนตัวหางช่วงล้อด้านหลัง เกยอยู่ช่องจราจร และด้านซ้าย  มีรถยนต์กระบะทึบ ยี่ห้อโตโยต้าสีขาว ทะเบียน 1ฒษ 1153 กทม. ชนอัดติดกับส่วนหางของรถพ่วง  และมีรถตู้ทึบ สีขาวทะเบียน ตพ 1897 กทม.  พุ่งชนท้านรถยนต์กระบะทึบอีกคัน สภาพด้านหน้าพังยับกระจกหน้าหลุดหล่นกลางถนน  ในที่เกิดเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 2 คน นำส่ง รพ.หลังสวน

จากการสอบถาม ได้การ ว่า นายบุญฤทธิ์ อายุ 24 ปี เป็นโชเฟอร์ขับรถพ่วงจาก กรุงเทพฯ จะมาบรรทุกทุเรียน ใกล้ที่เกิดเหตุ  โดยในขณะที่กำลังเลี้ยวเข้าแผงทุเรียน ซึ่งจะต้องตีวงเลี้ยวจนคร่อมเลนขวา ได้มี รถยนต์กระบะทึบ มีนายเจริญยุทธ์  อายุ 24 ปี เป็นคนขับ วิ่งมาในเลนซ้ายด้วยความเร็ว  หยุดรถไม่ทันพุ่งชนเต็มๆ จนด้านหน้ารถพังยับเยิน

ในขณะที่ รถตู้ทึบ มี นายเอกภาพ อายุ 28 ปี  เป็นคนขับ ขับตามหลังรถกระบะมาอย่างกระชั้นชิด เบรกไม่ทันพุ่งเข้าชนท้ายรถกระบะซ้ำอีกคัน ทำให้ด้านหน้ารถตู้พังยับเยินดังกล่าว

โดยรถยนต์กระบะทึบ  และ รถตู้ทึบ เป็นรถขนเงินสด ของ บริษัท GEFORCE มีพนักงานทั้ง 2 คัน รวม 6 คน รับเงินสดนับร้อยล้านบาท จากศูนย์บริการของ บริษัท GEFORCE ที่ จ.สุราษฏร์ธานี เมื่อเวลา 03.00 น. เพื่อนำไปใส่ในตู้เอทีเอ็ม และ ส่ง ตามธนาคารต่างๆ ที่ อ.เกาะเต่า จ.สุราษฏร์ธานี

โดยจะต้องไปขึ้นเรือที่ อ.เมือง จ.ชุมพร ในเวลา 06.00 น. ซึ่งได้ขับตามๆ กันมากับรถกระบะ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ รถพ่วงที่วิ่งอยู่เลนขวาได้เลี้ยวตัดหน้ากะทันหัน ทำให้พุ่งเข้าชนอย่างจัง ส่วนจำนวนเงินที่ชัดเจนไม่ได้รับแจ้งว่า มีจำนวนเท่าไร่ เนื่องจากมีการบรรจุในถุงใส่เงินอย่างดี ตำรวจ สภ.บ้านในหูต จึงรีบนำรถขนเงินไปรักษาไว้ที่ สภ.บ้านในหูต เพื่อรอ จนท.ของบริษัทฯ มาตรวจสอบว่า เงินจำนวนดังกล่าวยังอยู่ครบหรือไม่ต่อไป