คสช. เอาจริง! ปัญหารถโดยสารพัทยา หลังนักท่องเที่ยวโวยข้ามประเทศ

คสช. เอาจริง! ปัญหารถโดยสารพัทยา หลังนักท่องเที่ยวโวยข้ามประเทศ

คสช. เอาจริง! ปัญหารถโดยสารพัทยา หลังนักท่องเที่ยวโวยข้ามประเทศ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วันที่ 19 ก.ค. 2561 ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี พลตรี ภพอนันฒ์ เหลืองภาณุวัฒน์ รองประธานสภาเมืองพัทยา ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดชลบุรี (คสช.) เรียกประชุมส่วนงานที่เกี่ยวข้อง

ทั้งตัวแทนสำนักงานขนส่งจังหวัดชลบุรี สาขาอำเภอบางละมุง สมาคมภาคธุรกิจการท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวพัทยา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา กำลังเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยรักษาความสงบ มทบ.14 เมืองพัทยา และตัวแทนผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะในเขตเมืองพัทยาจำนวน 3 ราย

ประกอบด้วย สหกรณ์แท็กซี่โลมาพัทยา จำกัด, สหกรณ์แท็กซี่พัทยา จำกัด และสหกรณ์แท็กซี่ พัฒนาบ่อทอง ทั้งนี้เพื่อร่วมหารือมาตรการการจัดระเบียบการเดินรถสาธารณะในเขตเมืองท่องเที่ยว

หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนและนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ว่าปัจจุบันรถโดยสารประเภทแท็กซี่ในเขตเมืองพัทยาซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก กลับไม่ยอมกดมิเตอร์คิดค่าบริการตามกฎหมาย

กลับเป็นการให้บริการในลักษณะเช่าเหมาคัน ซึ่งทำให้เกิดความไม่มั่นใจในมาตรฐานและหวั่นการถูกเอารัดเอาเปรียบ ซึ่งกรณีดังกล่าวถือว่าสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

พลตรี ภพอนันฒ์ กล่าวว่าที่ผ่านมาได้รับการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวชาวไทยที่อยู่ในต่างประเทศผ่านมาทางสำนักงานตำรวจท่องเที่ยวว่า ขณะเดินทางมาท่องเที่ยวในพื้นที่เมืองพัทยาและใช้บริการรถโดยสารแท็กซี่สาธารณะ

ปรากฏว่าการให้บริการของรถเหล่านี้ทุกครั้ง ผู้ให้บริการไม่เคยกดมิเตอร์คิดเงินตามที่กฎหมายกำหนดไว้แต่อย่างใด แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการให้บริการในลักษณะแบบเช่าเหมาคัน ซึ่งทำให้มีราคาสูงแม้จะเป็นการเดินทางในระยะสั้นก็ตาม

กรณีดังกล่าวจึงอยากให้มีมาตรการในการควบคุม เพื่อให้เกิดเป็นมาตรฐานเหมือนแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ในประเทศและทั่วโลก เพราะอาจมีการเรียกรับผลประโยชน์เกินจริงจนทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ได้ จึงมีได้มีการเชิญผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อร่วมหารือและหาทางแก้ไข

จากการรับฟังข้อมูลทราบว่าปัจจุบันมีผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะแท็กซี่ในพื้นที่เมืองพัทยา จำนวน 3-4 ราย ซึ่งมีจำนวนรถรวมกันมากกว่า 500 คัน จึงทำให้เกิดการแข่งขันสูง กรณีนี้ยังไม่นับรวมรถต่างถิ่นที่เข้ามาให้บริการอีกจำนวนมาก

ขณะที่ข้อมูลจากผู้ประกอบการเองระบุว่า กำหนดราคาค่าบริหารตามมิเตอร์ที่ภาครัฐกำหนดคือ 40 บาทต่อ 2 กม. แรกนั้น ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายและค่าครองชีพที่สูงขึ้น โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวอย่างพัทยา

จึงจำเป็นต้องอาศัยการให้บริการแบบตกลงราคาและเหมาคันเป็นหลัก อย่างไรก็ตามการกระทำดังกล่าวถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องและฝ่าฝืนทางกฎหมาย

จึงจะมีการเรียกประชุมผู้ประกอบการรถทั้งหมดในวันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม ณ ที่ว่าการอำเภอบางละมุง เพื่อชี้แจงเหตุผลและการขอความร่วมมือในการประกอบธุรกิจอย่างถูกต้องและลดปัญหาที่เกิดขึ้น

พลตรี ภพอนันฒ์ กล่าวต่อไปว่าสำหรับการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นนั้นคงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งผู้ประกอบการ ภาคธุรกิจท่องเที่ยว รวมทั้งหน่วยงานที่ควบคุมกำกับดูแลด้านกฎหมาย อย่างตำรวจ ทหาร และเมืองพัทยา ในการกวดขันและบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง

สำหรับปัญหาเรื่องของอัตราค่าโดยสารที่เป็นปัญหานั้น ขณะนี้จะประสานไปยัง คสช.เพื่อหาทางพิจารณาแก้ไข รวมทั้งได้มอบหมายให้ทางสำนักงานขนส่งจังหวัดชลบุรีนำเรื่องเสนอไปยังส่วนกลาง

เพื่อขอพิจารณาปรับราคาให้เกิดความเหมาะสมและเป็นธรรมทั้งในส่วนของผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยว ซึ่งจะอยู่ในอัตราไม่เกิน 100 บาทต่อ 2 กม. แรก คล้ายกับแหล่งท่องเที่ยวอย่างเกาะสมุยใน จ.สุราษฎร์ธานี

เพียงแต่มีข้อแม้ที่จะต้องปรับมาตรฐานของการให้บริการให้คล้ายกัน ทั้งด้านพนักงานขับ และรถโดยสารที่ต้องปรับให้เข้าข่ายในมาตรฐานการบริการในลักษณะ VIP ด้วย ซึ่งกรณีนี้จะมีการเร่งรัดให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

นอกจากปัญหาเรื่องของรถแท็กซี่แล้ว ปัจจุบันได้มอบหมายให้เมืองพัทยาเร่งดำเนินการในการพัฒนาปรับปรุงจุดจอดรถสาธารณะ ที่พักคอยผู้โดยสาร และการทาสีตีเส้นให้ชัดเจนตามถนนสายหลัก เพื่อความสะดวกในการตรวจสอบ

ซึ่งจะต้องมีมาตรฐานตามที่เคยกำหนดไว้ว่าต้องวิ่งตามเส้นทางสัมปทานจำนวน 4 เส้นทางของรถโดยสารสาธารณะที่กำลังจะมีการกำหนดให้ระบุสีของเส้นทางพร้อมประกาศใช้ในเร็ววันนี้ รวมทั้งการจอดรับส่งผู้โดยสารที่ตรงตามป้ายเพื่อลดปัญหาการจราจร

อีกทั้งจะมีการสนธิกำลังทั้งทหาร ตำรวจ เทศกิจ ในการออกกวดขันตรวจจับอย่างจริงจังกับผู้ประกอบการที่ตั้งโต๊ะให้บริการเช่าเหมาคันแบบผิดกฎหมายทั่วเขตเมืองพัทยา โดยจะมีการใช้อัตราโทษสูงสุด รวมไปถึงการจอดรถในที่สาธารณะด้วย

โดยมาตรการทั้งหมดนี้หลังดำเนินการ หากพบว่ามีการฝ่าฝืนก็จะใช้อำนาจ คสช. ในการตรวจยึดรถและเสนอให้เพิกถอนใบอนุญาตต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook