พ่อแห่ศพลูกประท้วง รพ.ทำคลอดตาย โวยหมอพูดแรง "ปล่อยให้มีลูกทำไม"

พ่อแห่ศพลูกประท้วง รพ.ทำคลอดตาย โวยหมอพูดแรง "ปล่อยให้มีลูกทำไม"

พ่อแห่ศพลูกประท้วง รพ.ทำคลอดตาย โวยหมอพูดแรง "ปล่อยให้มีลูกทำไม"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(7 มิ.ย.)  เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ศาลากลางจังหวัดพิจิตร นายสมศักดิ์ ทองรอด พร้อมญาติ ชาวบ้านคลองคู้ ตำบลปากทาง อำเภอเมืองพิจิตร ต่างนำศพ เด็กชายขุนศึก ทองรอด ที่มีน้ำหนัก 5.4 กิโลกรัม บรรจุโลง แห่จากบ้าน ซึ่งมีระยะทาง เกือบ 5 กิโลเมตร เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรม กับศูนย์ดำรงธรรมพิจิตร ภายในศาลากลางจังหวัดพิจิตร

หลังเสียชีวิตจากการทำคลอดโรงพยาบาลพิจิตร เมื่อช่วงดึกของเมื่อคืนที่ผ่านมา จากที่ทางแม่ของเด็กได้เข้าทำคลอดที่โรงพยาบาลแล้ว เด็กเกิดเสียชีวิต ระหว่างการเข้าทำคลอด โดย พ่อของเด็กระบุ ว่าการทำงาน ของคณะแพทย์ ทำงานล่าช้า ไม่ยอมผ่าลูกในท้อง จนเป็นเหตุทำให้เสียชีวิต เพื่อขอความเป็นธรรมการให้ทำงาน และ การให้บริการของคณะแพทย์โรงพยาบาลพิจิตร

โดยนายสมศักดิ์ อายุ 41 ปี พ่อของเด็ก กล่าวว่า เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2561 เวลา 8.00 น. ได้นำแม่ของเด็ก คือ นางนภา อายุ 27 ปี ที่มีอาการป่วยเป็นโรคเบาหวาน มาตรวจครรภ์ ที่อายุครรภ์ครบ 9 เดือน ที่โรงพยาบาลพิจิตร ในช่วงเช้าซึ่งผลการตรวจเบื้องต้น ทางคณะแพทย์แจ้งพบว่า ชีพจรของเด็กมีอาการผิดปกติ

ซึ่งทางครอบครัว ได้ขอให้ทางคณะแพทย์ ทำการผ่าคลอด แต่ทางคณะแพทย์ ถามเพียงว่าจะทำหมันเลยไหม ซึ่งทางแม่ของเด็ก ไม่ประสงค์ทำหมัน ทางแพทย์จึงให้ยาขับเพื่อให้คลอดเอง จนเด็กในท้องเสียชีวิต และทำการผ่าเอาเด็กออก ช่วงเวลาประมาณ 02.00 น.

นอกจากนั้น นายสมศักดิ์ ยังกล่าวว่าช่วงที่ฝากครรภ์วันแรก แพทย์ได้กล่าวต่อว่ารุนแรง ว่า เป็นโรคนี้แล้วปล่อยให้มีลูกทำไม ยังไงเด็กก็เสียชีวิต โดยทางพ่อของเด็กและญาติ ได้เข้าร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมพิจิตร เพื่อช่วยหาแนวทางช่วยเหลือ จึงได้ร้องขอความเป็นธรรม และ ให้ทางคณะแพทย์โรงพยาบาลรับผิดชอบ จากการเสียชีวิตของลูก

ต่อมา นายแพทย์วิริยะ เอี้ยวประเสริฐ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพิจิตร และ ทีมแพทย์โรงพยาบาลพิจิตร ได้เข้าชี้แจ้งกับทางญาติ ที่เข้าร้องเรียน ถึงสาเหตุการเสียชีวิตของทารกในครรภ์ และ การปฏิบัติหน้าที่ของทีมแพทย์พยาบาล ที่ทำการช่วยรักษาผู้ป่วย และการทำคลอดให้กับเด็กทารกจนมีการเสียชีวิต ของทารกในครั้งนี้

นายแพทย์วิริยะ เอี้ยวประเสริฐ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพิจิตร กล่าวว่า ในช่วงที่ทางคุณแม่ตั้งครรภ์ และ มาฝากท้องกับโรงพยาบาล โดยทางแพทย์พบอาการของคุณแม่มีอาการเป็นโรคเบาหวาน ก่อนหน้านี้ ซึ่งมีอัตราเสี่ยงอันตรายกับการมีบุตร

ซึ่งทางแพทย์ได้ตรวจช่วยรักษาตลอดระยะเวลาการตั้งครรภ์ โดยในช่วงวันที่เกิดเหตุทางคุณแม่ได้มาตรวจครรภ์ตามที่หมอนัด ซึ่งทางคณะแพทย์ตรวจพบความผิดปกติของทารกในครรภ์ อัลตราซาวด์ พบเด็กในท้องไม่มีชีพจร และผิวหนังเริ่มบวม อาจเกิดการเสียชีวิตในครรภ์มาแล้ว

โดยทางแพทย์จึงได้วางแผน ว่าจะให้ผ่าตัดคลอดหรือให้คลอดเอง ซึ่งทั้ง 2 อย่าง มีอัตราเสี่ยงทั้งแม่และลูกในท้อง ซึ่งทางคุณแม่ประสงค์ที่จะคลอดเอง เพื่อประโยชน์ต่อการมีลูกครั้งต่อไป ทางแพทย์จึงให้ทางคุณแม่คลอดเอง

แต่เนื่องจากปากมดลูกไม่เปิด ทางแพทย์จึงจำเป็นต้องผ่าตัดออก ซึ่งก่อนผ่าตัดแม่ของเด็ก ได้ดื่มน้ำไปมาก ทางการแพทย์จึงต้องรอเวลา 6-8 ชั่วโมง จึงทำการผ่าคลอดตอนดึก และ เสียชีวิตในครรภ์ก่อนการผ่าตัด

โดยทางผู้อำนวยการโรงพยาบาลพิจิตร ยังระบุว่า สาเหตุของการสื่อสารข้อมูลของทางคณะแพทย์ที่มีการใช้คำรุนแรง ซึ่งมารดาที่มีโรคเบาหวาน จะมีอัตราเสี่ยงสูงกับการมีลูก เนื่องจากเป็นห่วงทั้งมารดา และ บุตร ที่คลอดออกมา ที่อาจใช้คำไม่เหมาะสม

ซึ่งในส่วนทางผู้เสียหาย ถ้าจะร้องเรียนเรียกร้องความเสียหาย สามารถยื่นได้ที่หน่วยบริการของโรงพยาบาลพิจิตร ซึ่งทางแพทย์ จะตั้งคณะกรรมการสอบสวน เพื่อหาข้อเท็จจริงในการสอบสวนการเสียชีวิต และ ดำเนินการช่วยเหลือเยียวยา ในทิศทางที่ถูกต้องต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook