นายกฯ ขอโทษแทนจนท. บุกจับ "พระพุทธะอิสระ" รุนแรง

นายกฯ ขอโทษแทนจนท. บุกจับ "พระพุทธะอิสระ" รุนแรง

นายกฯ ขอโทษแทนจนท. บุกจับ "พระพุทธะอิสระ" รุนแรง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯ เข้าจับกุมพระพุทธะอิสระ ในขณะที่ยังเป็นพระ ที่กุฏิในวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม ว่า ขอโทษแทนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งเสียความรู้สึก โดยได้ว่ากล่าวตักเตือนและกำชับไปแล้ว ว่าต้องไม่มีเหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก รวมทั้งยังได้ฝากขอโทษ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ ที่อาจได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ด้วย

>> อย่างกับหนังแอกชั่น! เปิดคลิปนาที "พุทธะอิสระ" ถูกตำรวจคอมมานโดบุกรวบตัวคากุฏิ

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีเข้าใจดีถึงเจตนาของทุกฝ่าย ทั้งเจ้าหน้าที่ ที่ต้องปฏิบัติงานด้วยความรัดกุมรอบคอบ แต่จะต้องปรับวิธีการให้เหมาะสม รวมถึงความรู้สึกของประชาชน โดยยืนยันว่ารัฐบาลจะยึดหลักกฎหมายและให้ความเป็นธรรมกับทุกคนอย่างเต็มที่

นอกจากนี้ พล.ท.สรรเสริญ เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดย IMD ประจำปี 2561 ซึ่งประเทศไทยมีอันดับลดลงจากอันดับที่ 27 เมื่อปีก่อน เป็น อันดับที่ 30 ในปีนี้ ว่า สาเหตุหลักส่วนหนึ่งมาจากการใช้นโยบายงบประมาณขาดดุลของรัฐบาล เพื่อนำเงินไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ทำให้กระทบต่อปัจจัยการประเมินด้านประสิทธิภาพของภาครัฐ โดยเชื่อว่าเป็นผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น แต่ในระยะยาวการลงทุนนี้จะช่วยยกระดับขีดความสามารถของประเทศและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวม

ขณะที่ ประสิทธิภาพของรัฐเรื่องอื่น ๆ ที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างมาก เช่น การแก้ไขกฎระเบียบและปรับปรุงขั้นตอนการดำเนินงานของหน่วยงานรัฐให้มีความสะดวกต่อการดำเนินธุรกิจ การปรับปรุงอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา อัตราภาษีการบริโภค การสร้างแรงจูงใจในการลงทุน ฯลฯ ส่วนปัจจัยการประเมินอีก 3 ด้าน คือ ด้านโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะสาธารณูปโภคพื้นฐาน และโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ที่เกิดจากการลงทุนของรัฐบาลมีอันดับดีขึ้น และด้านสภาวะเศรษฐกิจกับด้านประสิทธิภาพของภาคธุรกิจนั้น มีอันดับคงเดิม

พล.ท.สรรเสริญ เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แม้ว่าอันดับโดยรวมของไทยในการอันดับการแข่งขันของ IMD จะลดลง แต่ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกับประเทศอื่นในอาเซียน แต่คะแนนดิบที่ได้รับคือ 79.450 ซึ่งยังคงสูงกว่าคะแนนเฉลี่ยของโลกที่ 76.61 และอยู่ในอันดับที่ 3 ของอาเซียนรองจากสิงคโปร์และมาเลเซียเช่นเดียวกับปีก่อน ซึ่งรัฐบาลจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้านอื่น ๆ เช่น ด้านสังคม การศึกษา และสาธารณสุขเพิ่มมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนและความจำเป็นในการพัฒนาประเทศ ซึ่งจะช่วยเสริมให้อันดับของไทยดีขึ้นต่อไป

พร้อมกันนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า นายกฯ ไม่ได้ใส่ใจ กรณี ที่นักการเมืองบางคนวิจารณ์ว่า ไม่มีพื้นฐานการศึกษาด้านเศรษฐกิจ และ 4 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจของประเทศยังโตไม่มากนัก เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ว่า รัฐบาลทำงานเป็นทีมและมีทีมเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง มีผลงานที่ชัดเจน ทำให้เศรษฐกิจโตขึ้นต่อเนื่อง จากที่ดิ่งต่ำสุดและติดลบในช่วงก่อนปี 2557 ขึ้นมาเกือบ 5% และมีแนวโน้มสูงขึ้นอีก จึงอยากเตือนว่าไม่ควรออกมาพูดเช่นนี้ เพราะสุดท้ายจะกลับเข้าตัวเอง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook