ตร.เร่งล่ารถบรรทุก 10 ล้อแสบมักง่าย ทำหินร่วง ถูกกระจกรถชาวบ้านเสียหาย

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2561  ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีมี  นางสาวชฎาภรณ์  อายุ 40 ปี  ชาวบ้านม่วงนาสีดา ต.เวินพระบาท อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม  ออกมาร้องทุกข์ผ่านสื่อ หลังเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.ท่าอุเทน จ.นครพนม  กรณีได้รับความเดือดร้อนจากปัญหารถบรรทุกหินบรรทุกทรายที่สัญจรไปมาตามถนนสายนครพนม – ท่าอุเทน  และเชื่อมไปยัง  อ.บ้านแพง จ.นครพนม  สร้างความเสียหาย

เนื่องจากรถบรรทุกหิน ไม่ยอมปิดคลุมผ้าใบ ทำให้หินร่วงใส่กระจกหน้ารถยนต์ส่วนตัวแตกเสียหายก่อนหลบหนี  โดยปัญหาดังกล่าวสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับชาวบ้านที่มีบ้านเรือนอยู่ติดถนน รวมถึงผู้ที่สัญจรไปมาเป็นอย่างมาก โดยเคยร้องทุกข์ให้หน่วยงานเกี่ยวข้องมาดูแลแก้ไข แต่ยังไม่มีการดำเนินการ จึงต้องการร้องทุกข์ผ่านสื่อสะท้อนปัญหา และขอให้ผู้กระทำผิดออกมาแสดงความรับผิดชอบ

ล่าสุดทางด้าน พ.ต.อ.นที สิริวรวัชร์  ผกก.สภ.ท่าอุเทน ได้สั่งการให้ ร.ต.อ สุพจน์ แก้วมณี รองสารวัตรสอบสวน สภ.ท่าอุเทน ร่วมกับ ร.ต.อ.คเชนทร์  สมโภชน์  รองสารวัตรจราจร สภ.ท่าอุเทน และ  เจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวข้อง เร่งตรวจสอบติดตามหารถบรรทุกคันที่ก่อเหตุ

จนกระทั่งสามารถตรวจสอบติดตามรถบรรทุกคันดังกล่าวได้ หลังจากมีการตรวจสอบติดตามจากกล้องวงจรปิด ตามเส้นทางที่วิ่งผ่าน ทราบว่า เป็นรถบรรทุกพ่วง 18  ล้อ ของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง  โดยทางเจ้าของบริษัทรถบรรทุกยินดีที่จะรับผิดชอบชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้เสียหาย  ซึ่งทางตำรวจจะได้เรียกตัวมาสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 

ส่วนผู้เสียหายยืนยันไม่ติดใจเอาความหากมีการชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้น  ทั้งนี้ตำรวจจะได้เพิ่มมาตรการเข้ม ในการตรวจสอบป้องกัน ไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก และควบคุมให้รถบรรทุก มีการปิดคลุมผ้าใบทุกคัน ป้องกันอันตรายแก่ผู้สัญจรไปมา

โดยทางด้าน  ร.ต.อ.คเชนทร์  สมโภชน์  รองสารวัตรจราจร สภ.ท่าอุเทน  กล่าวว่า  สำหรับปัญหารถบรรทุกหิน บรรทุกทราย  ที่สร้างความเดือดร้อนแก่ชาวบ้าน  ทางตำรวจได้มีการเข้มงวดกวดขัน ตรวจสอบจับกุม และแจ้งเตือนขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการดูแล มาตลอด แต่มีบางรายที่ฝ่าฝืน ซึ่งทางตำรวจได้ดำเนินตามกฎหมายทุกราย  

ในส่วนที่มีผู้เสียหายได้รับผลกระทบ ทางตำรวจยืนยันที่จะเร่งรัดติดตามหาคนมารับผิดชอบชดใช้ความเสียหายแก่ประชาชนที่เดือดร้อน  เช่นเดียวกับรายนี้ได้ติดตามมาชดใช้เป็นที่เรียบร้อย ส่วนการดำเนินคดีจะมีการพิจารณาตามความผิดต่อไป 

นอกจากนี้ทางตำรวจจะได้เพิ่มมาตรการเข้มในการป้องกันแก้ไขปัญหา ไม่ให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนซ้ำอีก แต่ใครที่ฝ่าฝืนจะดำเนินคดีขั้นเด็ดขาดทันที