วิน จยย. หัวร้อน มีปากเสียงกับฝรั่ง เคลียร์ไม่รู้เรื่อง วางแข้งเตะหน้าต่างชาติ

 

วันนี้ 16 พ.ค. 61 ร.ต.ท.หญิงชนิกานต์ เผื่อนพินิจ รอง.สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพัทยา คุมตัว นายสุนทร อายุ 48 ปี วินจยย.เลือดร้อนตามคลิปทำร้ายนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทราบภายหลัง คือ Mr.Andreas Bruer ไม่ทราบอายุ สัญชาติเยอรมัน ซึ่งตามคลิปจะเห็นได้ว่าต่างชาติดังกล่าวพยายามที่จะยกรถ จยย.ของตนเองหนี ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ ก่อนที่วิน จยย. เลือดร้อนจะเข้าไปห้ามปรามและมีปากเสียงกับชาวต่างชาติ โดยด้วยความโมโหถูกต่างชาติด่าพร้อมชูนิ้วกลาง อีกยังบวกกับอากาศร้อนจัด จึงเข้าไปเตะหน้าและต่อยชาวต่างชาติดังกล่าว

สอบถาม นายสุนทร วิน จยย. เล่าว่า ตนเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจับชายชาวต่างชาติดังกล่าว และเขียนใบสั่งให้ไปเสียค่าปรับ ที่ สภ.เมืองพัทยา แต่เกิดไม่พอใจพยายามที่จะยกรถหนี ตนที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่เห็นชาวต่างชาติจะชกตำรวจ ดูเหมือนมีปากเสียงกับเจ้าหน้าที่ ตนจึงเข้าไปช่วยห้าม แต่ชาวต่างชาติดังกล่าวก็ไม่ฟัง พยายามยกรถหนี จังหวะที่รถยกมาถึงจุดเกิดเหตุพอดี ต่างชาติก็ยังไม่หยุดยก

หลังจากที่เข้าไปพูดคุยกับต่างชาติได้โวยวาย ตนโมโหจึงเดินเข้าเตะเข้าที่ใบหน้าชาวต่างชาติ และต่อยไปอีกหลายหมัด จากเหตุดังกล่าวตนยอมรับว่าผิดจริง ที่ไปทำร้ายชาวต่างชาติก่อนทั้งที่ไม่รู้จักกัน ที่ทำไปเพราะถูกด่าก่อนและอารมณ์ร้อน

ด้าน ร.ต.ท.หญิงชนิกานต์ เผื่อนพินิจ รอง.สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพัทยา เปิดเผยด้วยว่า จากเหตุดังกล่าวทางตำรวจจราจร  สภ.เมืองพัทยา  ได้ตั้งจุดสกัดกวดขันวินัยจราจรอยู่หน้าโรงพัก ขณะเดียวกันชาวต่างชาติดังกล่าวขับขี่ จยย. ผ่านมาจึงแสดงตัวขอตรวจค้นและตรวจสอบใบอนุญาตขับขี่ ทางด้านชาวต่างชาติก็แสดงใบขับขี่ให้เจ้าหน้าที่แต่กลับเป็นใบขับขี่ของต่างประเทศซึ่งนำมาใช้ในประเทศไทยไม่ได้ จึงได้จับกุมและเขียนใบสั่งเพื่อให้ชาวต่างชาติไปเสียค่าปรับและมารับรถคืน

แต่เหตุดังกล่าว กลับไม่ใช่อย่างที่คิด เมื่อต่างชาติเกิดไม่พอใจพยายามที่จะยก จยย. ที่ถูกล็อคอยู่หนีเจ้าหน้าที่ตำรวจไกลกว่า 100 เมตร ก่อนที่จะมีวิน จยย. เข้ามาห้ามปรามแต่เกิดเหตุวิน จยย. ไปทำร้ายนักท่องเที่ยว โดยการเดินเข้าไปเตะหน้าและชกต่อย ตามคลิปดังกล่าว

เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวมาสอบสวนและทำบันทึกจับกุม พร้อมทั้งตั้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น ส่วนชาวต่างชาติเจ้าหน้าที่ได้เข้าช่วยเหลือ แล้วถามถึงเรื่องที่ถูกทำร้ายร่างกาย แต่ชาวต่างชาติคนดังกล่าวไม่เอาเรื่องแต่อย่างใด พูดเพียงต้องจะกลับบ้าน