เปิดสถิติครึ่งวันแรก จอมปาดเข้ากล้อง "เลนเชนจ์" ทะลุ 7,500 ราย

เปิดสถิติครึ่งวันแรก จอมปาดเข้ากล้อง "เลนเชนจ์" ทะลุ 7,500 ราย

เปิดสถิติครึ่งวันแรก จอมปาดเข้ากล้อง "เลนเชนจ์" ทะลุ 7,500 ราย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(9 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้เป็นวันแรกที่เริ่มบังคับใช้กล้องจับรถฝ่าฝืนเปลี่ยนช่องทาง หรือ Lane Change Camera System ในเขตห้าม 15 จุด ทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และ กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) ได้เปิดเผยสถิติข้อมูลเบื้องต้นในวันนี้ ตั้งแต่เวลา 00.01 - 11.30 น. เพียงแค่ครึ่งวัน กล้องสามารถตรวจจับรถที่ทำความผิด ปาด เบียด หรือแซง บริเวณทางขึ้นสะพานและอุโมงค์ลอดได้มากกว่า 7,500 กรณี

อ่านเพิ่มเติม  จอมปาดหน้าเจอของจริง! เริ่มวันนี้ 15 จุดทั่วกรุง ออกใบสั่งด้วย "กล้องเลนเชนจ์"

พันตำรวจเอกกิตติ อริยานนท์ กล่าวว่า การตั้งกล้องระบบตรวจจับรถฝ่าฝืนเปลี่ยนช่องเดินรถในเขตห้ามนั้น แต่ละจุดจะมีป้ายแจ้งเตือนให้ผู้ใช้รถใช้ถนนรับรู้ ในระยะ 100 เมตร, 50 เมตร และ 30 เมตร ก่อนถึงจุดตรวจจับและแต่ละจุดจะมีกล้อง4ตัว ทำงานอัตโนมัติตลอด 24 ชั่วโมง มีความคมชัดและละเอียดสูง 2 ล้านเมกกะพิกเซลล์ สามารถตรวจจับได้ทั้งกลางวัน กลางคืน และทุกสภาพอากาศ

โดยจะมีการบันทึกข้อมูลเก็บไว้ได้ไม่น้อยกว่า 1 ปี ระบบจะดำเนินการตรวจจับ เมื่อพบการกระทำความผิด กล้องจะทำการบันทึกข้อมูลทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวผ่านระบบ ATS และส่งภาพประมวลข้อมูลไปยังศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของทะเบียนรถ, ยี่ห้อ, รุ่น และสีของรถ

หลังจากนั้นจะดำเนินการออกใบสั่งและส่งไปยังระบบ PTM ของธนาคารกรุงไทยเพื่อได้บาร์โค้ดกลับมา จากนั้นจะยืนยันความถูกต้อง เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการออกใบสั่ง ส่งไปยังผู้ครอบครองหรือเจ้าของรถ ภายใน 7 วัน

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ได้มีการทดลองใช้ระบบตรวจจับดังกล่าว เริ่มตั้งแต่ 1-30 เมษายนที่ผ่านมา ปรากฏพบว่ามีผู้ฝ่าฝืนและทำผิดมากถึง 226,257 กรณี เพียงแค่เดือนเดียว

>>> เปิดรายชื่อ 15 สะพานติดกล้องส่องจอมปาดทั่ว กทม.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook