จับผ่าศพหากุมารทองเร่ขายหลักล้าน
คำที่ถูกค้นบ่อย
    Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
    //s.isanook.com/ns/0/ud/74/371612/822.jpgจับผ่าศพหากุมารทองเร่ขายหลักล้าน

    จับผ่าศพหากุมารทองเร่ขายหลักล้าน

    2009-03-19T13:36:13+07:00
    แชร์เรื่องนี้

    ตะลึง หมอลำซิ่ง บ้าไสยศาสตร์ยกพวกบุกป่าช้าพังโลงศพสาวตายทั้งกลม ทำพิธีสะกดวิญญาณใช้เทียนลนคางผู้ตายเพื่อเอาน้ำมันพราย และผ่าท้องศพนำกุมารทองออกมา คาดว่าต้องการนำไปเป็นเครื่องรางของขลัง ให้มีโชคลาภเมตตามหานิยม หรืออาจนำไปขายในตลาดมืดซึ่งมีการรับซื้อทางอินเทอร์เน็ตในราคาหลักล้าน เผยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนสิงคโปร์และมาเลย์ ที่มีความเชื่อว่ากุมารทองทำให้การค้าขายรุ่ง เรือง ตำรวจตะครุบตัวได้ 1 คน ส่วนหัวโจก ยังหลบหนี

    เมื่อเวลา 15.45 น. วันที่ 18 มี.ค. พ.ต.อ.ไผ่พนา เพ็ชรเย็น ผกก.สภ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า ได้รับการประสานงาน ขอให้ทำการสืบสวนคดีศพถูกผ่าท้องขโมยลูก กรอกหายไป จึงสั่งการให้ชุดสืบสวนของ สภ.น้ำพอง ประกอบด้วย พ.ต.ต.สมใจ รักษ์ศิลป์ สว.สป. และ พ.ต.ต.ประสิทธิ์ ปลื้มสุด สว.สส. นำกำลังออกหาข่าวจนสามารถรู้เบาะแสแน่ชัดว่าผู้ก่อเหตุเป็นใคร

    พ.ต.อ.ไผ่พนา กล่าวต่อไปว่า เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 19 ก.พ. 52 ได้มีกลุ่มคนร้าย 5 คน ประกอบด้วย นายฉลามพล ชาภูวงษ์ อายุ 20 ปี นายสุรจิตร วงษ์ชัยยา อายุ 22 ปี นายอ๊อด ไม่ทราบนามสกุล อายุ 17 ปี นายมิว ไม่ทราบนามสกุล อายุ 20 ปี และนายพัทยา ตาแสง อายุ 22 ปี ขี่รถ จยย. 2 คัน เข้าไปจอดหน้าบ้าน นางบันดี ไกรเลิศ เลขที่ 29/1 หมู่ 6 ต.หนองกุง อ.น้ำพอง จากนั้นนายฉลามพล ซึ่งคุ้นเคยกับเจ้าของบ้าน ได้เดินเข้าไปขอยืมเคียวเกี่ยวข้าวและข้าวสารจาก นางบันดี แล้วนางบันดีได้สอบถามว่าจะเอาไปทำอะไร แต่ได้รับคำตอบจากผู้ยืม ว่าเอามาเลยไม่ต้องถาม

    เมื่อนายฉลามพล ได้สิ่งของตามประสงค์แล้ว ก็เดินทางเข้าไปในบริเวณวัดอิสาณ ต.ท่ากระเสริม ตรงเข้าไปยังสถานที่บรรจุศพของนางสวย (นามสมมุติ) อายุ 20 ปี ซึ่งเสียชีวิตด้วยโรคลมชัก ขณะตั้งท้องได้ 4 เดือน จากนั้นนายสุรจิต ได้ทุบซีเมนต์ที่ทำบล็อกสำหรับเก็บโลงศพ และนายฉลามพลได้ทำพิธีเรียกสะกดวิญญาณศพ โดยใช้เทียนไขลนไปที่ปลายคางผู้ตาย เพื่อทำน้ำมันพราย หลังเสร็จจากการทำน้ำมันพราย ก็ได้นำเคียวผ่าท้องศพ นำทารกที่ตายในครรภ์ของนางสวย หรือ "กุมารทอง" ออกมาไว้ในย่าม แล้วใช้ใบมะพร้าวและใบกล้วยมาปิดสถานที่เก็บศพ ก่อนแยกย้ายหลบหนี

    ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายสุรจิตร ไว้ได้ และแจ้งดำเนินคดีข้อหาลักทรัพย์และทำให้เสียทรัพย์ ส่วนพรรคพวกที่เหลือยังอยู่ระหว่างการหลบหนี จากการสอบสวนนายสุรจิตรให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุพวกตนนั่งดื่มเหล้ากันอยู่ที่บ้านหนองนกเขียน จากนั้น นายฉลามพลซึ่งเป็นอาจารย์ทางไสยศาสตร์ได้ชักชวนให้ไปหาของดีที่วัดอิสาณ ก่อนแยกย้ายกันหลบหนี

    ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายฉลามพลมีอาชีพเป็นหมอลำซิ่งออกแสดงตามงานต่าง ๆ ส่วนการลนน้ำมันพรายและผ่าท้องศพนำกุมารทอง ออกไปนั้น คาดว่าคงต้องการนำมาเป็นเครื่องรางของขลังในการประกอบพิธียกครูของคณะหมอลำ เพื่อเรียกให้คนดูมาดูเยอะ ๆ และให้มีโชคลาภเมตตามหานิยม หรืออาจนำไปขายในตลาดมืดซึ่งมีการรับซื้อทางอินเทอร์เน็ต ในราคาหลักล้านบาท โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าชาวสิงคโปร์ และมาเลเซีย ซึ่งมีความเชื่อว่าถ้ามีกุมารทองจะทำให้การค้าขายเจริญรุ่งเรือง

    ทางด้านนายหนุ่ม (นามสมมุติ) อายุ 25 ปี สามีของนางสวย ผู้ตาย กล่าวว่า หลังจากคนร้ายย่องมาผ่าท้องภรรยา วันแรกก็เข้ามาเข้าฝันว่า ลูกของเราเป็นผู้ชายหน้าตาน่ารัก ตอนนี้ตนคิดถึงลูก อยากได้ลูกกลับคืนมา ขอให้ติดตามลูกกลับคืนมาให้ด้วย และในฝันภรรยายังบ่นว่าร้อนที่คาง ทรมานมาก จึงได้แจ้งให้แม่ยายทราบ จากนั้นจึงได้ประสานให้ตำรวจดำเนินคดีและได้เผาศพภรรยาไปเมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา หลังจากนี้ไปตนจะบวชเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับภรรยาและลูก ส่วนเรื่องการติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ.