ตร.เชียงใหม่รวบตัว ไฮโซภาคเหนือตั้งกรุ๊ปค้าโคเคนให้เซเลป
ตำรวจเชียงใหม่ นำหมายศาลรวบ สท.หนุ่มตระกูลดัง พร้อมกับเพื่อน ฐานร่วมกันค้าโคเคน หลังเฝ้าจับตามีพฤติกรรมลักลอบขายตามสถานบันเทิง
(19 ก.ย.) เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดปฎิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ตำรวจภูธร จ.เชียงใหม่ นำหมายจับจากศาล จ.เชียงใหม่ จับกุมตัว นายราชิน อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นบุตรชายของนักธุรกิจคนดังในภาคเหนือ
พร้อมกับจับกุมเพื่อนสนิท นายชาญวิโรจน์ อายุ 38 ปี ในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 3 (โคเคน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยฝ่าฝืนกฎหมายและสนับสนุนช่วยเหลือผู้กระทำผิดฯ โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวได้ที่บ้านพักก่อนนำตัวมาส่งให้พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย
โดยการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากในช่วง 5-6 เดือนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สืบทราบว่า มีกลุ่มคนดังแวดวงไฮโซใน จ.เชียงใหม่ ลักลอบสั่งโคเคนเข้ามาจำหน่ายตามสถานบันเทิงต่างๆ เจ้าหน้าที่จึงติดตามพฤติกรรมของขบวนการค้าโคเคนที่มีการส่งมาให้กับกลุ่มไฮโซในพื้นที่ กระทั่งทราบว่ากลุ่มไฮโซจะใช้รถยนต์หรูในการลำเลียงโคเคนไปส่งลูกค้า
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัว นายศุภโชติ อายุ 38 ปี ที่ใช้รถยนต์ฮอนด้า เอชอาร์วี สีขาว ขนส่งยาเสพติดไปขายตามสถานบันเทิง เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา ขณะนำยาไปส่งบริเวณตลาดสดแม่เหียะ ตรวจค้นในรถพบโคเคนบรรจุอยู่ในซองพลาสติกจำนวน 7 ซอง น้ำหนักรวม 3.5 กรัม จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน
จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์ก็พบว่ามีไฮโซกลุ่มนี้ได้ตั้งกลุ่มไลน์ ที่ใช้ติดต่อซื้อขายโคเคน โดยมีสมาชิกในกลุ่มไลน์จำนวน 4 คน ร่วมกันสั่งซื้อโคเคนจากกรุงเทพ ครั้งละ 53,000 บาท ก่อนจะแบ่งขายเป็นซอง ซองละ 20 กรัมในราคา 2,500 บาท และกระจายส่งให้ลูกค้ากลุ่มไฮโซตามสถานบันเทิง
นายศุภโชติ ได้ให้การซัดทอดว่า นายราชิน และ นายชาญวิโรจน์ ร่วมอยู่ในขบวนการดังกล่าวด้วย เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมพยานหลักฐานก่อนขออนุมัติศาลออกหมายจับ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมอีกว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา ชุดสืบสวนเคยนำหมายคันบุกเข้าค้นบ้านของ นายราชิน มาแล้ว โดยครั้งนั้นไม่พบหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด พบเพียงสมุดบัญชีธนาคารและคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค รวมทั้งอาวุธปืนยาว 1 กระบอก และอาวุธปืนสั้น 2 กระบอก พร้อมกระสุนอีกกว่า 100 นัด โดยตรวจสอบอาวุธปืนพบว่ามีทะเบียนถูกต้อง เจ้าหน้าที่จึงได้แค่เพียงตั้งข้อหาครอบครองเครื่องกระสุนโดยไม่ได้รับอนุญาต