ทักษิณ จ้ออีกอ้างจงรักภักดีมาก เปรียบเป็นสุนัขที่เชื่องต่อในหลวง!!

ทักษิณ จ้ออีกอ้างจงรักภักดีมาก เปรียบเป็นสุนัขที่เชื่องต่อในหลวง!!

ทักษิณ จ้ออีกอ้างจงรักภักดีมาก เปรียบเป็นสุนัขที่เชื่องต่อในหลวง!!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"แม้ว"ให้สัมภาษณ์สื่อ ตปท.รอบใหม่ อ้างจงรักภักดี เป็นสุนัขที่เชื่องตลอดต่อในหลวง เชื่อมั่นได้กลับประเทศก่อนสิ้นปี เพราะรัฐบาลและม็อบเสื้อแดงจะสมานฉันท์ ระบุไม่หวั่นอภิสิทธิ์เดินหน้าข้อตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดน เพราะต้องใช้เวลานาน-และไม่ใช่เรื่องง่าย

นิตยสารฟาร์อีสต์เทิร์น อีโคโนมิค รีวิว ได้สัมภาษณ์พิเศษพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย ที่สำนักงานในเมืองดูไบ สหรัฐอาหรับอิมิเรสต์ เมื่อเร็ว ๆ นี้ เป็นเวลา 1 ชั่วโมง โดยพ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เขาไม่ยอมรับกระบวนการที่นำไปสู่การพิพากษาจำคุกตน 2 ปี ในคดีซื้อที่ดินรัชดา ซี่งรัฐบาลไทยพยายามปฎิเสธว่า คดีดังกล่าวไม่ได้มีแรงจูงใจทางการเมือง และเขากำลังรอคอยอย่างอดทนที่จะได้กลับประเทศ พร้อมทั้งแสดงความมั่นใจว่า เขาจะสามารถกลับเมืองไทยได้ก่อนสิ้นปีนี้ เพราะการสมานฉันท์ประนีประนอมระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุนและรัฐบาลไทยปัจจุบันจะเกิดขึ้น เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ โดยการสมานฉันท์จำเป็นต้องเกิดขึ้นก่อนปีนี้ รอไม่ได้เพราะสถานการณ์วิกฤตทางเศรษฐกิจกำลังรุมเร้าประเทศ

นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เขาถูกกล่าวหาว่า ไม่จงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้งที่จริง ๆ แล้ว เขาจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาก เขาเป็นเหมือนสุนัขที่เชื่องอยู่เสมอ

"ผมเชื่องแล้ว และสามารถเชื่องได้อีก"พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว

"ฟาร์อีสต์"ระบุว่า ปัจจุบัน พ.ต.ท.ทักษิณ มีสถานภาพเป็นผู้ต้องหานับตั้งแต่ช่วงปี 2008 เมื่อหนีออกจากเมืองไทยฃก่อนจะมีคำพิพากษาเกิดขึ้น และเขาได้เดินทางไปยังหลายประเทศ เช่น จีน,ฮ่องกง,ดูไบ รวมทั้งอังกฤษช่วงเมื่อเร็ว ๆ นี้ ก่อนที่ในเดือนธันวาคม ทางการอังกฤษจะถอนวีซ่า โดยประเด็นนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ตอนนี้เขาไม่ได้ยื่นขอวีซ่าใหม่จากทางการอังกฤษ เพราะไม่มีแผนจะไปอังกฤษ และไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหากเขายื่นขอวีซ่าใหม่

อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่าได้รับเสนอและยอมรับพาสปอร์ตเข้าเมืองจากหลายประเทศ ซึ่งเขาจะไม่เปิดเผยชื่อประเทศเหล่านี้ และว่าเขามักจะเดินทางเข้าประเทศต่าง ๆ ด้วยพาสปอร์ตไทย เพราะเป็นพาสปอร์ตธรรมดา ไม่ใช่พาสปอร์ตทางการทูต

นอกจากนี้ เขากล่าวว่า เขาไม่รู้สึกวิตกต่อความพยายามของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่จะดำเนินการให้ต่างชาติส่งตัวเขากลับประเทศ ระบุว่า การหยิบยกการเจรจาเรื่องสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนมีแรงผลักดันจากประเด็นการเมือง โดยนายอภิสิทธิ์เพียงแค่ต้องการสร้างความเสียหน้าให้เขา และว่ากระบวนการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนจะต้องใช้เวลานาน และจำเป็นบรรลุกฎเกณฑ์ของข้อตกลงนี้ด้วย

เมื่อถามถึงการแผ่วทางไปสู่การประนีประนอมของเมืองไทย พ.ต.ท.ทักษิณ เชื่อมั่นว่า การตั้งคำถามเกี่ยวกับความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ของเขาจะต้องถูกขจัดทิ้งไป อ้างว่ารากเหง้าของปัญหาของความแตกแยกทางการเมืองของไทยในปัจจุบันมาจากการที่เขาได้รับความนิยมมากจากประชาชน ทำให้เขาถูกกล่าวหาว่า ไม่จงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

"จริง ๆ แล้ว ผมจงรักภักดีต่อในหลวงมาก และหากมีสิ่งที่ย้อนไปได้ ทุกอย่างจะต้องเปลี่ยนแปลง"

"บางทีเราอาจต้องย้อนกลับไปปฎิบัติอย่างตรงไปตรงมากับบางคน ซึ่งไม่ควรจะมีการดำเนินคดีต่อคนอื่นเพราะการเมืองอีกต่อไป และหลังจากที่เราสมานฉันท์แล้ว หากมีใครกระทำผิด ก็ควรให้กฎหมายลงโทษ"พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว

เมื่อถามว่าแล้วเมืองไทยจะขจัดพฤติกรรมให้ขาวสะอาดได้อย่างไร พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้เรียกร้องขออภัยโทษจากในหลวง แต่เขากล่าวว่า สภาควรจะผ่านกฎหมายสมานฉันท์ที่จะต้องได้รับการอนุมัติจากในหลวง โดยกฎหมายดังกล่าวสามารถบรรจุการนิรโทษกรรมให้แก่นักการเมืองที่ถูกกล่าวหาหรือถูกตัดสินว่ากระทำผิดทางการเมือง

พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้วิงวอนให้คนไทยเอาชนะความแตกแยกทางการเมืองเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ไม่เช่นนั้นเรือทั้งประเทศก็จะจม พร้อมทั้งเรียกร้องให้คนไทยรักในหลวง เพราะท่านทรงงานหนัก และทรงสูงอายุแล้ว ท่านต้องการกำลังใจจากชาวไทย ซึ่งหากประชาชนของในหลวงต่อสู้กันเอง ก็จะไม่ดีต่อประเทศชาติ

ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า ในช่วงที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ได้พยายามใช้สื่อต่างประเทศเป็นเครื่องมือในการลบล้างภาพลักษณ์ของตัวเอง โดยล่าสุด เขาเพิ่งให้สัมภาษณ์นิตยสาร"ไทมส์" วิจารณ์นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พร้อมทั้งกล่าวหาว่ามีการวางแผนการลอบสังหารเขาด้วย

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook