ย้อนรอย วลีเด็ดแก๊งยันหว่าง "สายไหมได้หมด"

ย้อนรอย วลีเด็ดแก๊งยันหว่าง "สายไหมได้หมด"

ย้อนรอย วลีเด็ดแก๊งยันหว่าง "สายไหมได้หมด"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เพียงชั่วข้ามคืนสังคมไทยก็เป็นอันได้รู้จักกับ “แก๊งยันหว่าง” พร้อมวลีเด็ดที่ฝากไว้ให้จดจำคือ “สายไหมได้หมด” ซึ่งเป็นผลพวงมาจากเหตุการณ์ที่ 4 วัยรุ่น ได้ขึ้นไปอาละวาดที่โรงพักเขตสายไหมพร้อมทั้งชี้หน้าด่าตำรวจด้วยถ้อยคำหยาบคายและยังข่มขู่เจ้าพนักงานอีกด้วย

โดยเหตุการณ์ทั้งหมดถูกบันทึกภาพเอาไว้ได้จนมีการแชร์อยู่บนโลกออนไลน์กลายเป็นข่าวที่ทุกคนให้ความสนใจอยู่ในขณะนี้ ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นมีที่มาที่ไปอย่างไร กลับไปย้อนดูเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 60 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่ามีตำรวจสายตรวจถูกทำร้ายร่างกาย และขโมยทรัพย์สินไป บริเวณปั้มน้ำมัน บนถนนสุขาภิบาล 5 จึงแจ้งสกัดจับรถกระบะซึ่งกำลังหลับหนี จากนั้นได้นำตัว 5 วัยรุ่นมาควบคุมตัวที่โรงพัก

1e4y

ซึ่งทั้งหมดคล้ายอยู่ในอาการมึนเมาไม่ยอมรับทราบข้อกล่าวหาและยังเดินป่วนทำร้ายเจ้าหน้าที่ ทั้งท้าทายและหาเรื่องเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ตลอดเวลา พร้อมตะโกนประโยคเด็ดคือ “สายไหมได้หมด” นอกจากนี้ยังได้ทำลายข้าวของ ทั้งโต๊ะ เก้าอี้ หลอดไฟ ได้รับความเสียหายอีกด้วย ก่อนที่ทั้งหมดจะลงจากโรงพักไป

แต่หลังจากที่กลุ่มวัยรุ่นทั้ง 5 คนกำลังเดินลงจากโรงพักก็ถูกรุมท้ายจนได้รับบาดเจ็บไปตามๆกัน ซึ่ง นายโสภณ วัย 36 ปี มีอาการหนักสุดถึงขั้นนอนจมกองเลือดและสลบไป ก่อนที่จะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล

ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติพบว่าไม่ธรรมดา มีทั้งเมาสุรา , ทำลายทรัพย์สิน , ต่อสู้เจ้าพนักงาน อีกทั้งวัยรุ่นทั้ง 5 คนอยู่ในแก๊งชื่อยันหว่าง เคยมีเพื่อนร่วมแก๊งมาก่อคดียิงคนย่านสายไหม และ 1 ใน 5 คนนี้ อยู่ระหว่างประกันตัวสู้คดี

2644ddworkpoint

เบื้องต้นถูกดำเนินคดี 4 คนประกอบไปด้วย นายโสภณ อายุ 36 ปี ,นายรัตนเทพ อายุ 21 ปี ,นายปกรณ์ อายุ 24 ปี และนายสิทธิชัย อายุ 24 ปี พร้อมโดนข้อหาหนัก 7 ข้อ หาคือ

1.ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน

2.ต่อสู้และขัดขว้างการจับกุมขณะปฏิบัติหน้าที่ 

3.ใช้กำลังประทุษร้ายเจ้าพนักงาน

4.ข่มขืนใจเจ้าพนักงาน

5.เมาสุราหรือมึนเมาสารเสพติดอย่างอื่นแล้วขับรถ

6.ทำให้ทรัพย์สินราชการได้รับความเสียหาย

ส่วนนายรัตนเทพ ถูกแจ้งข้อหาเพิ่มในข้อหาลักทรัพย์ เป็นข้อหาที่ 7

1erw

จุดเริ่มต้นปฐมบทของเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายทั้งหมดเกิดจากที่วัยรุ่นทั้ง 5 คนได้มีปากเสียงกับเด็กปั้มและผู้จัดการปั้ม เรื่องการสูบบุหรี่ในที่ห้ามสูบ ซึ่งหนึ่งในนั้นได้จุดบุหรี่สูบใกล้กับหัวจ่ายปั้ม ทางผู้จัดการจึงเข้าไปเตือนสร้างความไม่พอใจให้กับวัยรุ่นกลุ่มนี้จึงเกิดการโต้เถียงกันเกิดขึ้น และทางปั้มได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาระงับเหตุ จึงถูกวัยรุ่นกลุ่มดังกล่าวทำร้ายร่างกายจนสลบไป

แต่ทั้งนี้ นายรัตนเทพ อายุ 21 ปี 1 ในผู้ต้องหาได้ให้การที่ขัดแย้งกันว่า “ตอนแรกทำท่าจะจุดแต่พี่ที่ปั้มเข้ามาด่าและคนขับก็ดับพอดี ส่วนบุหรี่ก็ไม่ได้จุดแค่เหน็บเอาไว้ที่หูตามสไตล์เท่ห์ๆเฉยๆ

โดยตั้งใจว่าจะเอาไปสูบที่ห้องน้ำ จากนั้นตำรวจก็เข้ามานัวเนียคนขับรถและก็เกิดการชกต่อยกัน ซึ่งขณะนั้นได้ยินว่าตำรวจเริ่มชกต่อยก่อนและพูดว่ามึงรู้ไหมกูเป็นใคร ซึ่งเค้าพูดคำนี้จริง”

สอดคล้องกับคำให้การของญาติและผู้ปกครองของกลุ่มวัยรุ่นทั้ง 5 คน ที่เชื่อว่าถูกทำตำรวจทำร้ายก่อน “เค้าถูกเหยียดหยามก่อนเพราะมีอาชีพรับซื้อน้ำมันเก่าเนื้อตัวจึงดูมอมแมมไปหน่อย จึงแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบพฤติกรรมว่าเสพยาหรือไม่ พูดเหมือนคนเมายา

เมื่อมาถึงตำรวจได้ออกหมัดต่อยเค้าก่อนโดยต่อยเข้าไปในรถ ด้านเพื่อนที่อยู่ในรถและหลังรถเห็นเหตุการณ์จึงสู้กลับ ยอมรับว่าเค้ามีอารมณ์เพราะโดนตำรวจต่อยก่อน ไม่ใช่คนบ้าที่เห็นตำรวจแล้วจะเข้าไปต่อยก่อนและเค้าก็ไม่ได้ทำผิดอะไรแต่กลับโดนต่อย”

1ewr

ด้านญาติอีกคนเปิดเผยว่าผู้ต้องหาที่ถูกทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บนั้นเคยถูกหมากัดตั้งแต่ตอนเด็กจึงส่งผลทำให้กระทบกระเทือนต่อสมองจนเกิดอารมณ์ฉุนเฉียวง่าย หากมีอะไรมากระทบจะทำให้ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่

ทีนี้ลองมาฟังข้อเท็จจริงจากปากของเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ที่ถูกทำร้ายร่างกายจนสลบกันบ้างโดยยืนยันว่าไม่ได้ชกต่อยก่อน “นอกจากไม่ทำแล้วก็ยังมีพยานยืนยันว่าเราไม่ได้ทำ ซึ่งเราไม่ได้ทำจริงๆ คือสัตย์จริงไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน ผมไม่เคยทำประชาชนก่อนซึ่งรู้กฎดีอยู่แล้ว

และจากสถานการณ์เช่นนั้นมีคนมากกว่าถ้าหากเราไปทำเค้าก่อนเรายิ่งจะเจ็บหนัก ถ้าหากเค้ามีพยานหลักฐานว่าผมทำก็ให้เค้ามาแสดงผมจะยอมรับผิด ซึ่งเค้าชกเราครั้งแรกจึงไม่ให้เค้าไปเพราะถือว่าทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน จากนั้นก็ได้หยิบกุญแจมาจากรถ” ดาบตำรวจกล่าว

1wr34

ทั้งนี้สาเหตุที่กลุ่มวัยรุ่นถูกทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บขณะที่กำลังเดินลงมาจากโรงพักนั้นไม่ทราบแน่ชัด แต่ทางญาติผู้เสียหายได้ขอความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยเพราะเหตุการณ์นี้ไม่น่าเกิดขึ้นในสถานีตำรวจที่ได้ขึ้นชื่อว่าปลอดภัย

และที่สำคัญการรุมทำร้ายร่างกายจนทำให้นายโสภณ บาดเจ็บถึงขั้นนอนจมกองเลือดและสลบไปถือว่าเกินกว่าเหตุหรือไม่อยากให้ตรวจสอบด้วยและระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว 4 วัยรุ่น

ไปฝากขังที่ศาลมีนบุรีวัยรุ่นกลุ่มนี้ได้ตะโกนขอความเป็นธรรมว่าถูกรุมทำร้ายร่างกายกว่า 50 คน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไม่ให้การช่วยเหลือเลย

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นถึงภาวะการควบคุมอารมณ์ของคนไทยโดยเฉพาะวัยรุ่นมีน้อยเหลือเกิน ทั้งนี้หากสามารถระงับและควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ มหากาพย์โรตีสายไหมกับวลีเด็ดสายไหมได้หมด คงไม่มีทางเกิดขึ้นได้แน่นอน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook