Exclusive เชื่อหรือไม่! "หญิง ดับเบิ้ลยู" เสกน้ำรักษาโรคร้ายโคม่าใกล้ตายยังรอด

Exclusive เชื่อหรือไม่! "หญิง ดับเบิ้ลยู" เสกน้ำรักษาโรคร้ายโคม่าใกล้ตายยังรอด

Exclusive เชื่อหรือไม่! "หญิง ดับเบิ้ลยู" เสกน้ำรักษาโรคร้ายโคม่าใกล้ตายยังรอด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อดีตนักร้องดัง "หญิง ร็อกสตาร์" หรือว่า "หญิง ดับเบิลยู" เปิดตัวเผยความสามารถพิเศษ "เสกน้ำรักษาโรค" สุดทึ่งรักษาหมอลาว ป่วยมะเร็งลำไส้ระยะสุดท้าย รูมาตอยด์, คนใกล้ตายอาการโคม่ายังฟื้น ช่วยชีวิตเด็กหญิงป่วยเอสแอลอี ค่าเลือดเป็นพิษแผลเหวอะทั้งตัวให้กลับมาเป็นเด็กปกติ เผยต้องดึงเจ้ากรรมนายเวรออกจากร่างผู้ป่วย ให้มาสิงร่างผู้ป่วยเพื่อพูดคุยถึงสิ่งที่ต้องการ ทั่วโลกแห่จองคิว ประกาศตอบแทนแผ่นดินเตรียมรักษาฟรีคนจนที่ป่วยหนักไม่มีทางรอด

หายหน้าหายตาจากวงการบันเทิงไปนานเลยทีเดียวสำหรับอดีตนักร้องดัง "หญิง ดับเบิ้ลยู" ที่เคยออกอัลบั้มเพลงดูโอกับ "จั๊ก ชวิน" ซึ่งภายหลังก็ผันตัวไปเป็นนักร้องลูกทุ่งในมาดทอมบอย รู้จักกันในนาม "หญิง ร็อกสยาม" จากนั้นก็ย้ายไปอยู่เยอรมัน และกำลังเป็นที่ฮือฮาในต่างประเทศในนามของ "ดร.หริ" ผู้ใช้น้ำเปล่ารักษาโรค

ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา อดีตนักร้องดังเล่าว่า "หญิงเดินทางไปรักษาโรคร้ายมาแล้วหลายประเทศ รวมๆ แล้วประมาณ 20 ราย ซึ่งผู้ป่วยที่มารักษากับหญิงส่วนมากจะเป็นโรคร้ายไม่ว่าจะเป็น มะเร็ง เอสแอลอี รูมาตอยด์ ฯลฯ ล้วนเป็นโรคที่รักษาไม่หาย รอวันตาย เป็นผู้ป่วยที่ไร้ความหวัง ผู้ที่ยมทูตใกล้จะมาเอาชีวิตเท่านั้นถึงจะมารักษากับหญิง ความมหัศจรรย์ไม่หยุดอยู่แค่นั้น อดีตนักร้องยังบอกอีกว่า แม้แต่เสกน้ำผ่านวีดีโอคอลให้ผู้ป่วยดื่มก็ทำมาแล้ว ได้ผลแค่ไหนไม่ทราบ รู้แต่ว่าญาติผู้ป่วยถึงขั้นต้องส่งตั๋วเครื่องบินมาให้เพื่อให้หญิงบินกลับมาช่วยรักษาที่เมืองไทย"

สมาธิจุดพลัง จู่ๆ เกิดอาการเขียนยันต์ลงอักขระให้ตัวเอง

"หญิงย้ายไปอยู่เยอรมันมา 3 ปีแล้ว ก่อนหน้าก็ทำธุรกิจและก็รับงานร้องเพลงในเมืองไทย และก็ไปเป็นพิธีกรให้คุณหญิงสุดารัตน์ สร้างสถานที่ประสูติพระพุทธเจ้า เราไปช่วยงานโครงการนี้ 1 ปีเต็มๆ ต้องเดินสายไปทำบุญที่โน่นที่อยู่ตลอด เรียกว่า 1 ปีนี้ทำบุญตลอด ระหว่างนั้นก็จะได้เจอครูบาอาจารย์เก่งๆ ที่มาร่วมทำบุญกับโครงการ เราก็จะได้มีโอกาสได้สัมภาษณ์พูดคุย ซึ่ง ณ จุดนั้นตอนนั้นเราไม่มีเซ้นส์ไม่มีอะไรเลย เป็นคนใช้ชีวิตปกติที่ยังกินเหล้าเที่ยวแต่เป็นคนที่ชอบทำบุญ พอเริ่มทำบุญมากขึ้นๆ ก็เลยลองหัดนั่งสมาธิเองที่บ้าน แล้วนั่งไปไม่นานก็มีอาการเขียนยันต์ใส่ตัวเอง เราก็แบบ เอ๊ะ…ทำไมเขียนยันต์ เริ่มเขียนยันต์ใส่ตัวเอง ลงอักขระใส่ตัวเอง"

"เราก็ตกใจ คิดว่าจิตมันคงปรุงแต่ง คิดเองเออเองเปล่า ก็นั่งอีกก็เป็นอีกก็เลยไม่นั่งเลย กลัวเพราะไม่รู้ว่านี่มันคืออะไร เกิดอะไรขึ้นกับเรา คราวนี้ไหว้พระแล้วก็นอนเลยไม่นั่งสมาธิ จากนั้นก็ใช้ชีวิตตามปกติ แต่ก็งงกับสิ่งที่เกิดขึ้น จนได้ไปเจอกับคุณแม่จันทรา ฤกษ์ยาม เขาไม่ได้เป็นแม่ชีแต่ถือศีล 5 เขียนหนังสือเสียดายคนตายไม่ได้อ่านมีชื่อเสียงโด่งดังทางภาคอีสาน เราก็ถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นท่านก็บอกว่า ในภายภาคหน้าเราได้จะช่วยคน เราก็งงว่าจะช่วยยังไง ลำพังแค่ตัวเองเองยังเอาตัวไม่รอด เราเป็นทอมเป็นผู้หญิงก็ไม่ใช่ ผู้ชายก็ไม่ใช่ จะไปช่วยคนอื่นได้ยังไง ท่านก็บอกให้รอดูต่อไปว่าจะเป็นไปตามที่บอกไหม"

 โดนทำของใส่ คลั่งหนักอยากตาย หยิบมืดจะปาดคอตัวเอง เลยทำให้ต้องเดินสายหาอาจารย์ดีแก้ของ จนทำให้ค้นพบความสามารถพิเศษ ของเก่าในอดีตแดจาวูเชื่อมต่อกับปัจจุบัน 

"จุดที่ทำให้เริ่มต้นค้นหาว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นกับเราคืออะไร น่าจะเกิดจากตอนนั้นมีเหตุการณ์ที่ทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนไป ตอนนั้นก็เริ่มมีปัญหากับแฟนตัวเอง คือเขาไปแอบมีผู้ชายเราก็เริ่มทะเลาะกัน เรารู้สึกไม่อยากจะเห็นหน้าเขา และชีวิตก็เกิดเรื่องราวแปลกๆ เช่น ไปตรงไหนก็จะเห็นงู มีงูมาตัดหน้ารถ งูจะมาปรากฏให้เห็นในสถานที่ที่ไม่ควรอยู่ กระทั่งเลิกกับแฟนก็ไปเที่ยวพัทยากับเพื่อน เราก็ไปจับโคโยตี้ไม่ถึง 10 นาที โคโยตี้เข้าแอดมิดเดี๋ยวนั้นเลย พอกลับมาน้องคนที่พาเราไปเที่ยวก็โดนรถชน รถบี้แบนหมดเลยทั้งที่ขับแค่ 60 เพื่อนข้างหลังนี่คือเลือดไหลอาบเลย โชคดีที่เราไม่ได้ไปกับเขาด้วย คือคนที่อยู่ใกล้ตัวเราจะต้องซวยหรือเจออะไร"

"ส่วนตัวเราเองก็จะมีอาการกินอาหารไม่ได้ กินแล้วอาเจียน กินน้ำก็อาเจียน ท้องเสีย ไม่หลับไม่นอน แล้วก็เริ่มเป็นมากขึ้นถึงขนาดจะฆ่าตัวตาย หยิบมีดมาจะกรีดคอ แล้วก็โทรหาคนโน้นคนนี้เพื่อจะลาตาย แต่ทุกคนก็ไม่เข้าใจเพราะพูดไม่รู้เรื่อง มันสติแตกมากจนสุดท้ายยกมือไหว้ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วย พอยกมือไหว้ปุ๊บก็ถอดเสื้อนอนลงไปกับพื้น พอมีสติก็รีบออกจากบ้าน เพื่อนรุ่นน้องมาเจอเราก็บอกว่าอาการของเรามันเหมือนคนโดนของ เพราะผอมจนแบบว่าไม่ใช่เราเลยตอนแรกเราก็ไม่เชื่อเพราะเรานับถือศาสนา ที่ผ่านมาก็ไหว้พระทำบุญตามปกติ เพื่อนมันก็บอกว่าไปเถอะ ไปลองดูไม่เสียตังค์เผื่อจะหาย เขาพาผมไปตรงห้องพักแถวๆ วิภาวดี ไปพบอาจารย์ท่านหนึ่ง ยังไม่ทันจะทำอะไรเลยผมก็ยืนสั่นแบบผีเข้า"

"เขาก็บอกว่าให้ยื่นมือมา ขนาดแม่บ้านจับตัวผมแล้วพอง คือไฟมันเผา คือร้อนไม่ไหวแล้ว เขาบอกไม่ต้องกลัวเดี๋ยวจะสู้ได้และจะมีวิชาขึ้นมาเอง เราก็คิดในใจจะสู้ยังไง บ้าหรือเปล่าเพราะเราไม่เคยเรียนคาถาอาคม เขาบอกต้องปล่อยให้จิตต่ำ เราก็เป็นคนไม่เชื่ออะไรง่ายๆ อันนี้เป็นศาสตร์ของพม่า ผมก็บอกไม่เอาๆ ผมไม่ใช่สไตล์นั้น ซึ่งมันก็ไม่หาย ตอนกลางคืนนอนไม่หลับเป็นหนักกว่าเดิมอีก วันนั้นแฟนกลับมาขอคืนดี เราฟังเขาไม่รู้เรื่อง สิ่งที่เราได้ยินคือเขาพูดออกมาเหมือนเป็นภาษาเทพ เราก็กลัวเฮ้ย…นี่อะไร ชีวิตช่วงนั้นตรงไหนดี ตรงไหนจะแก้ได้ผมไปหาหมด ไปรดน้ำมนต์มาไม่รู้กี่ที่ จนมีแฟนคลับที่ลาวเขาก็บอกว่า เขามีครูบาอาจารย์เก่งๆ เราก็ลองไปดู"

"ท่านเป็นครูบาอาจารย์บ้านเมืองของที่ลาว พอไปถึงผมก็ไปพูดภาษาอะไรใส่เขาไม่รู้ เราพูดโดยไม่รู้ตัว เราก็ไม่รู้ว่ามีอะไรในตัว เราก็ยังไม่เชื่อ คิดว่าอาจจะเป็นผีหรือเรื่องจิตวิทยา แต่ตอนนั้นเชื่อแล้ว่าโดนของล้านเปอร์เซ็นต์ ท่านก็จัดพิธีใหญ่ให้เลยที่วัดพระแก้ว ตอนทำเรานอนกลัว หนาวสั่น เขารักษาแค่ครั้งเดียวหายเลยหมดไปเป็นแสน หลังจากที่หายเรารู้สึกเราไม่เหมือนเดิม เรารู้สึกเราเหมือนมีอะไรบางอย่าง รู้สึกแบบ powerful โดยที่แบบไม่ต้องฝัน   มันทำให้เรานึกไปถึงอาจารย์ทองทิพย์ท่านเคยทักว่า คนนี้มีฤทธิ์เยอะ มีกสิณน้ำ ถึงเวลาจะได้ช่วยคนแต่อาจถูกสั่งสอนจนกว่าจะได้เรียนรู้"

"วันหนึ่งจะได้ช่วยเหลือมนุษย์ ซึ่งทักมากก่อนจะโดนของอีก จิตมันจะนำจิตเอง คนเราต่อให้คุณเกิดกี่ชาติคุณก็จะต้องเป็น เช่น ชาติแล้วเราเป็นคนส่งสาร ชาตินี้ก็ต้องไปเป็นนักข่าว คุณจะต้องเดจาวูอย่างนั้นไปเรื่อยๆ อาจจะแค่บิดเบือนไปนิดหน่อย ถามว่าทำไมต้องเป็นน้ำ วิชามันมาได้ยังไง มันเดจาวูจากคำว่าน้ำ มันเหมือนมีจิกซอว์ว่าน้ำนะ ไปไหนก็จะมีแต่น้ำ เหมือนจิกซอร์ที่พยายามบอกเราว่า ต้องเป็นน้ำ น้ำเป็นสื่อ ก็เหมือนสมมติชาติที่แล้วคุณถือกระสิณไฟ คุณก็ต้องใช้ไฟ แต่ผมกระสิณน้ำ"

อึ้งไปเลยช่วยหมอลาวป่วยมะเร็งลำไส้ระยะ 3 ให้รอดตาย แค่กินน้ำเปล่าไม่ต้องทำคีโม   

"เคสแรกเป็นคุณหมอที่ลาว เป็นรองผู้อำนวยการโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ลาว ท่านขอไม่ให้เอ่ยชื่อ คุณหมอรักษาตัวอยู่ที่รพ.ลพบุรีด้วยโรคมะเร็งลำไส้ระยะสุดท้าย ต้องทำคีโม ซึ่งวันนั้น เราไปเจอเขาออกจากไอซียู แล้วหมอทั้งหมด 5-6 คนยืนอยู่ปลายเท้า เขาก็นอนขยับตัวไม่ได้ เขาเพิ่งออกจากไอซียู ก็คุยกับเขาว่าเป็นหมอทำไมต้องมาป่วย แล้วเป็นระยะสุดท้ายด้วย ครอบครัวเขาอยู่หมด ผมก็เลยบอกว่าอยากช่วยเขา ผมไม่รู้จะอธิบายยังไงให้ผมลองช่วยได้ดูไหม เขาก็ลอง แต่ขอให้เชื่อว่าและมั่น ผมหยิบน้ำเปล่าหนึ่งขวดที่อยู่ในห้องนั้นออกมาและผมก็อธิษฐานจิต"

"ก็ให้เขาทานน้ำ ผมถามเขาว่าอยากหายมั้ย เขาบอกอยากหาย ก็เลยบอกเชื่อไหมมนุษย์เราเกิดมามีเจ้ากรรมนายเวร เขาก็บอกว่าเชื่อ สำหรับการรักษานอกจากผมจะใช้น้ำแล้วก็ยังต้องมีการเช็กขา ถ้าใช่ขาจะเจ็บ ขาจะยกไม่ได้เหมือนมีคนกด ผมจะถามไปเรื่อยๆ ถ้าใช่ก็ขอให้ขาของคุณนั้นหนักและเจ็บ"

"ผมก็ขอเจ้าที่เจ้าทางก่อนเพราะผมเป็นแขกผู้มาเยือน ก็ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในตัวว่าให้เปิดทิศเปิดทางถ้าเกิดเรามีบุญร่วมกัน สร้างบุญกุศลร่วมกัน ผมก็เสกน้ำไป ซึ่งน้ำก็เป็นน้ำของเขาไม่ใช่น้ำที่ผมถือมา เขาก็กินเข้าไปแล้วก็อาเจียนมันเป็นการขับพิษ พออาเจียนเสร็จเขาก็ลุกนั่งทันที คุณหมอทุกคนที่อยู่ตรงนั้นน้ำตาไหลด้วยความดีใจ หลังจากนั้นผมก็เสกน้ำให้ทานอีกหลายขวด ต้องทานให้สม่ำเสมอตามกำหนด คุณหมอก็ทานแล้วอาเจียน ทั้งถ่ายทั้งอาเจียน แต่ไม่ต้องทำคีโม แล้วหมอก็แข็งแรง เขาไม่ตาย เขาไม่ต้องคีโม เพราะน้ำแค่ขวดเดียว"

ไม่อยากมหัศจรรย์ ไม่อยากเป็นแบบนี้ กลัวโดนด่าว่าหลอกลวงต้มตุ๋น ปฏิเสธที่จะรักษาคนมาตลอด จนเกิดเหตุตนเองป่วยใกล้ตาย เลยต้องลั่นวาจาว่า ถ้าหายแล้วจะอุทิศตัวรักษาคนป่วย ทำให้รอดมาจนถึงทุกวันนี้ 

"ตอนแรกๆ ผมไม่อยากจะรักษา อยู่ดีๆ มาเสกน้ำรักษาคน เขาคงหาว่าบ้า เราเป็นนักร้องก็อยากร้องเพลง เราเคยทำมาอย่างนี้ คือผมไม่อยากมหัศจรรย์ อยากทำงานร้องเพลงหาเงินธรรมดาก็แล้วช่วยคนอื่นได้บ้าง คือถ้าเราร้องเพลงเรามีเงินไง ใครเป็นไรมาผมก็ช่วยได้เหมือนเป็นการทำบุญ แต่ถ้าเราไปลงเต็มตัวมันก็เหมือนไปหลอกลวงประชาชน กระทั่งมาป่วยหนักมากชนิดที่ผมติดเชื้อทั้งระบบ ช่วงนั้นมีมีคอนเสิร์ตทุกวันเลย ไปฝรั่งเศส ข้ามไปเล่นจนแพ้บุหรี่อย่างมาก อยู่ๆ ก็แพ้ อันนี้เป็นจุดพีค ไปรักษาหมอสวิสฯ ก็ไม่หาย"

เตรียมเปิดรักษาฟรีช่วยเหลือคนยากจน   

"สิ่งที่ผมคิดไว้คือ จะเปิดรักษาฟรีให้กับคนยากจน ผู้ป่วยที่วิกฤตเป็นเคสที่รักษาไม่หายนอนรอวันตาย เจ็บป่วยเล็กๆ น้อยๆ ไม่ต้องมา ผมอยากจะช่วยคนจนคนที่ไม่มีโอกาส ให้เขาได้มีโอกาสได้มาต่อบุญสร้างบุญต่อ ส่วนคนรวยถ้าอยากรักษาต้องเสียตังค์ จะดัง จะเป็นดาราผมก็ไม่รักษาฟรี ผมไม่ต้องการเคสดารามาเพื่อทำให้ตัวเองดัง คุณมีศักยภาพถ้าอยากรักษาต้องมีค่าใช้จ่าย เพราะผมมีทีมงานมีผู้ช่วยที่เอาชีวิตเข้ามาเสี่ยง การรักษาโรคการถอนพิษไม่ใช่เรื่องง่ายนะ ผมต้องลงยันต์ในห้องที่รักษา และลงยันต์ให้กับคนที่อยู่ในห้องขณะรักษาทุกคนเพื่อไม่ให้มีเอฟเฟค มีหลายครั้งที่ทีมงานจำต้องเข้าไปโดนตัวผู้ป่วย

"อย่างเคสน้อง 11 ขวบทีมงานไปช่วยอาบน้ำกลับมาบ้านก็มือหงิกเลย บางทีก็เท้าบวมเป็นลูกมะนาว เราก็ต้องมาถอนพิษให้ทีมงานอีก แม้แต่ผมเองกับผู้ป่วยที่ไม่ไหว ผมก็ต้องช่วยดึงพิษเข้าตัวและอาเจียนออกมาแทนเขา ข้อสำคัญการรักษาของผมจะต้องควบคู่ไปกับการรักษากับแพทย์ปัจจุบัน สองสิ่งจะต้องรวมกันทั้งกายและใจ ถามว่าเหนื่อยไหม เหนื่อยนะ รักษาครั้งหนึ่งใช้เวลา 3-4 ชม. บางรายทั้งวันทั้งคืน ถ้าคนป่วยสู้ผมก็ไม่ถอยเหมือนกัน เต็มที่ 1 วันรักษาแค่ 4 คนก็ไม่ไหวแล้วครับ เมื่อก่อนผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นแบบนี้ ทำไมจะต้องรักษา ทำไมต้องมาเสี่ยงให้คนอื่นว่าต้มตุ๋นหลอกลวง แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่า การที่เราได้ช่วยใคร มันเป็นความสุข มันเป็นพลังชีวิตให้เรา ถ้าจะต้องตายผมในวันนั้น ก็ขอตายด้วยการช่วยเหลือคน"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook