นายกฯ แถลงรัฐธรรมนูญใหม่ เริ่มนับหนึ่งสู่เลือกตั้ง

นายกฯ แถลงรัฐธรรมนูญใหม่ เริ่มนับหนึ่งสู่เลือกตั้ง

นายกฯ แถลงรัฐธรรมนูญใหม่ เริ่มนับหนึ่งสู่เลือกตั้ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(6 เม.ย.) เมื่อเวลา 20.20 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวแถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศ เรื่องการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ความยาว 10 นาที ว่า วันนี้เมื่อ 235 ปีที่แล้วเป็นวันสถาปนาพระบรมราชจักรีวงศ์ เริ่มต้นรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เราจึงเรียกว่าวันพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์

วันเวลาได้ผ่านพ้นรัชสมัยของพระมหากษัตริย์หลายพระองค์ มาจนถึงรัชกาลที่ 10 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร จึงใคร่ขอเชิญชวนทุกท่านน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระบูรพกษัตริยาธิราชเจ้าทุกพระองค์ในพระบรมราชจักรีวงศ์ที่ปกเกล้าปกกระหม่อมชาวไทยให้ร่มเย็นเป็นสุข และรักษาเอกราชอธิปไตยยั่งยืนมาได้จนถึงทุกวันนี้

วันเดียวกันนี้ในปีนี้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับใหม่แก่ประชาชนชาวไทยเรียบร้อยแล้ว

นับเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่ 20 ในประวัติการเมือง 85 ปีของไทย และเป็นรัฐธรรมนูญที่ได้รับความเห็นชอบในการออกเสียงประชามติถึง 16ล้านเสียงเศษ คิดเป็นร้อยละ 61.35จากจำนวนผู้มาใช้สิทธิออกเสียงประมาณ 30 ล้านคน หรือร้อยละ60 ของผู้มีสิทธิทั้งหมด ผลที่เกิดขึ้นจากการนี้ คือ

1.รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว พุทธศักราช 2557) ซึ่งใช้มาประมาณสองปีเศษเป็นอันสิ้นสุดลง

2.ตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ คณะรัฐมนตรีชุดนี้จะยังคงอยู่ต่อไป เช่นเดียวกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ จนกว่าจะมีการเลือกตั้ง แม้แต่สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญก็จะยังคงอยู่ต่อไปอีกระยะหนึ่ง

3.ตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ/ สิทธิเสรีภาพของพี่น้องทั้งหลายจะมีเพิ่มขึ้น แต่ต้องไม่ลืมว่าหน้าที่ของชนชาวไทยก็เพิ่มจากเดิมด้วยเช่นกัน เพราะคนเราเมื่อมีสิทธิก็ต้องมีหน้าที่คู่กัน จะเรียกร้องแต่สิทธิหรือเอาแต่ได้ฝ่ายเดียวมิได้

เช่นเดียวกับรัฐซึ่งมีหน้าที่มากขึ้น แม้แต่การใช้อำนาจบริหารราชการแผ่นดินหรือการใช้อำนาจรัฐ และการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทั้งหลายไม่ว่าทหาร ตำรวจ หรือพลเรือน ก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้นกว่าเดิม

4.มีภารกิจสำคัญ 2 เรื่อง ที่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่บัญญัติให้ต้องทำคือการวางยุทธศาสตร์ชาติระยะยาว เพื่อกำหนดเป้าหมายการพัฒนาประเทศ ทั้งในทางการเมืองการปกครอง ความมั่นคง เศรษฐกิจและสังคมว่าเราจะเดินหน้าต่อไปในทิศทางใด และด้วยวิธีการอย่างไร อีกเรื่องหนึ่งที่ควบคู่กันคือการปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ เพื่อจะได้ก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนตามยุทธศาสตร์ชาติ

ภารกิจนี้มีความสำคัญมาก จนระยะหนึ่งถึงกับพูดกันว่า จะปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง หรือจะเลือกตั้งแล้วจึงค่อยไปปฏิรูป การดำเนินการทั้ง 2 ภารกิจนี้จะต้องมีกฎหมายมารองรับ เพื่อกำหนดผู้รับผิดชอบ กำหนดวิธีดำเนินการ และขั้นตอนต่างๆโดยให้ประชาชนมีส่วนร่วม ซึ่งรัฐบาลจะได้เสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติในเร็ววันนี้

คณะรักษาความสงบแห่งชาติ และรัฐบาล มิได้เข้ามาเพื่อต้องการอำนาจและผลประโยชน์ หรืออยู่ยาวนาน โดยปล่อยให้เหตุการณ์ต่าง ๆ ผ่านพ้นไปแต่ละวันโดยเปล่าประโยชน์ หากแต่ต้องการแก้ปัญหาเดิม ๆ ที่ค้างคาอยู่จนเป็นกับดักสะกัดกั้นความเจริญของชาติ

ทั้งนี้ ได้เคยแจ้งแผนและขั้นตอนการทำงานหรือที่เรียกว่าโรดแมปให้พี่น้องทั้งหลายทราบล่วงหน้ามาตั้งแต่แรกแล้วว่า ช่วงเวลาระยะที่หนึ่งจะเป็นการบริหารประเทศโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ซึ่งได้สิ้นสุดลงแล้วหลังจากที่ใช้เวลาสั้นๆ เพียง 2 เดือน ช่วงเวลาช่วงต้นของระยะที่สอง คือการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว และจัดตั้งคณะรัฐมนตรีขึ้นบริหารประเทศ/ตลอดจนแต่งตั้งคณะบุคคลขึ้นยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งใช้เวลามาจนถึงบัดนี้2 ปีครึ่ง

ช่วงปลายของระยะที่สองคือการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งเริ่มต้นแล้วในวันนี้แผนและขั้นตอนการทำงานในช่วงปลายต่อจากนี้ไปคือการบริหารประเทศโดยการเสริมสร้างความมั่นคงในทุกด้าน รักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง/พัฒนาคุณภาพชีวิต ลดความเหลื่อมล้ำ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

เพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศและแก้ไขกฎระเบียบต่างๆ ให้ทันสมัย ตลอดจนเตรียมการปฏิรูปประเทศเตรียมการด้านยุทธศาสตร์ชาติ และสร้างความสามัคคีปรองดองของชนในชาติ ซึ่งรัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นกำกับดูแล และขับเคลื่อนงานเหล่านี้ไว้แล้วเรียกโดยย่อว่า ป.ย.ป.

นอกจากนั้นในช่วงปลายของระยะที่สองนับจากวันนี้ไป จะเป็นการเริ่มต้นของเหตุการณ์ต่างๆ ได้แก่การที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญจัดทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ 10 ฉบับ ให้แล้วเสร็จภายใน 8 เดือน แต่ละฉบับจะเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ซึ่งจะต้องพิจารณาให้เสร็จภายใน 2 เดือนหากมีการแก้ไขเพิ่มเติมก็จะใช้เวลาเพิ่มอีกประมาณ 1 เดือน

ต่อจากนั้นจึงนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธยประกาศใช้เป็นกฎหมายภายใน 90 วัน เมื่อประกาศใช้กฎหมาย 4 ฉบับแรกเฉพาะที่จำเป็นเกี่ยวกับการเลือกตั้งครบถ้วนแล้วก็จะเข้าสู่ช่วงเวลาของการเลือกตั้ง ประกอบด้วยการสมัครรับเลือกตั้ง การรณรงค์หาเสียง และการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งซึ่งต้องทำให้เสร็จภายใน 5 เดือนนับจากวันประกาศใช้กฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งครบ 4 ฉบับ

รัฐบาลไม่สามารถระบุได้ชัดแจ้งว่าวันเลือกตั้งจะเป็นเมื่อใดเพราะยังไม่อาจกำหนดวันเริ่มต้นของแต่ละเหตุการณ์ได้ ทราบเพียงวันเริ่มต้นนับหนึ่งของเหตุการณ์แรกคือการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ต่อจากนั้นเหตุการณ์อื่นๆก็จะขับเคลื่อนเลื่อนไหลไปตามลำดับ ไม่ว่าใครก็ไม่อาจระบุวันเวลาชัดเจนได้ นอกจากคาดเดาว่าน่าจะเป็นเมื่อนั้นเมื่อนี้

ขั้นตอนทั้งหลายจะเป็นดังที่เรียนมานี้ และไม่ได้เพิ่งมากำหนดใหม่ในวันนี้ หากแต่ทุกคนทราบมาตั้งแต่การออกเสียงประชามติแล้ว โดยไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลง/สิ่งที่เปลี่ยนแปลง คือ การเริ่มต้นนับหนึ่งของแต่ละเหตุการณ์เท่านั้น/เมื่อการเลือกตั้งเสร็จสิ้นและจัดตั้งรัฐบาลใหม่แล้ว

รัฐบาลนี้ก็จะส่งมอบภารกิจให้รัฐบาลใหม่ และสิ้นสุดการทำงานลงอันจะเป็นการเริ่มช่วงเวลาระยะสามตามโรดแมปต่อไป นับจากวันนี้ รัฐบาลจะยังคงอยู่กับพี่น้องทั้งหลายและปฏิบัติหน้าที่ตามปกติภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่แม้แต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติก็จะยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไป

บรรดาประกาศและคำสั่งของ คสช. หรือหัวหน้า คสช. ที่ออกไปแล้วยังคงมีผลใช้บังคับ อำนาจตามมาตรา 44 ยังคงมีอยู่ ซึ่งจะใช้ภายใต้หลักเกณฑ์เดิม คือใช้เท่าที่จำเป็นเร่งด่วนเพื่อรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยของประเทศ/หรือเพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปและแก้ปัญหาของประเทศซึ่งไม่อาจใช้มาตรการปกติได้ทัน/หากเนิ่นช้าออกไปจะเกิดความเสียหายแก่ส่วนรวม

รัฐบาลขอให้โอกาสต่อจากนี้เป็นเวลาที่ทุกคนทุกฝ่าย ทุกภาคส่วนจะได้ร่วมมือกันยิ่งขึ้นเพื่อพัฒนาประเทศตามแนวทางประชารัฐ และปฏิบัติตามบทบัญญัติและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่มุ่งจะเห็นประเทศไทยมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนในทุกทางด้วยการร่วมกันสร้างความสามัคคีปรองดอง ตลอดจนรักษาความสงบเรียบร้อย สร้างบรรยากาศที่สงบ และสันติสุข เอื้ออำนวยต่อวาระแห่งชาติที่จะมาถึง

นั่นคือพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่

แม้แต่การเตรียมการเลือกตั้งภายใต้ระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย บริสุทธิ์และยุติธรรม/เพื่อแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ภายใต้กฎเกณฑ์กติกาใหม่ ก็เป็นวาระแห่งชาติสำคัญ จึงไม่ควรที่ผู้ใดจะทำให้เสียบรรยากาศ หรือทำให้เสียความรู้สึก และเสียความตั้งใจของประชาชนชาวไทย

รัฐบาลขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ช่วยกันประคับประคองสถานการณ์ ช่วยกันรักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมืองและช่วยกันขับเคลื่อนโรดแมปจนผ่านพ้นช่วงเวลาและขั้นตอนต่าง ๆ มาได้ด้วยดี

และขอเดชะพระบารมีแห่งสมเด็จพระบูรพกษัตริยาธิราชเจ้าในพระบรมราชจักรีวงศ์ จงพิทักษ์รักษาราชอาณาจักรไทยให้สงบสุข และปกเกล้าปกกระหม่อมประชาชนชาวไทยให้เย็นศิระเพราะพระบริบาลสืบเนื่องต่อไปตราบกาลนานเทอญ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook