เจ๊ดาว ย่องสึกวัดบ้านเกิด! สั่งสอบบัญชีรายรับ-จ่ายของวัด

เจ๊ดาว ย่องสึกวัดบ้านเกิด! สั่งสอบบัญชีรายรับ-จ่ายของวัด

เจ๊ดาว ย่องสึกวัดบ้านเกิด! สั่งสอบบัญชีรายรับ-จ่ายของวัด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เจ๊ดาว ย่องสึกวัดบ้านเกิด เจ้าคณะจังหวัดตั้งรักษาการเจ้าอาวาสสอบบัญชีรับ-จ่าย หากพบนำเงินวัดไปใช้อาจโดนข้อหายักยอกทรัพย์ ส่วนผู้ว่าฯ ลำพูนเดินหน้าตั้ง กก.ติดตามพฤติกรรมพระทั้งจังหวัด ขณะที่ชาวบ้านอโหสิ พร้อมเร่งฟื้นฟูวัด ตั้งกรรมการดูแลเงินบริจาค


ความคืบหน้าภายหลัง "เจ๊ดาว" หรือ พระครูวิจิตรสรการ เจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรือง ต.ในเวียง อ.เมือง จ.ลำพูน และเจ้าคณะตำบลในเมืองเขต 2 ยอมเจรจากับพระผู้ใหญ่ในคณะสงฆ์จังหวัดลำพูน ในการพิจารณาตัวเอง หลังถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมแปลงเพศ แต่งหญิงเที่ยวผับ และซื้อบริการนักศึกษาหนุ่ม ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ขีดเส้นให้สึกภายในวันที่ 8 กุมภาพันธ์

ล่าสุด เมื่อเวลา 04.30 น. วันที่ 7 กุมภาพันธ์ พระครูวิจิตรสรการได้ลาสิกขาแล้ว โดยเลือกวัดศรีเตี้ย ต.เหล่ายาว อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน วัดบ้านเกิดเป็นสถานที่ลาสิกขา โดยในช่วงค่ำวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พระครูวิจิตรสรการได้เข้านมัสการพระราชปัญญาโมฬี รองเจ้าคณะจังหวัดลำพูน และผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวง วัดพระธาตุหริภุญไชยวรมหาวิหาร เพื่อออกใบสิกขาบทก่อนไปประกอบพิธีที่วัดศรีเตี้ย โดยมีเพียงญาติและเพื่อนสนิทไม่กี่คนที่ทราบข่าวเข้าร่วมพิธีดังกล่าว

ทั้งนี้ ภายหลังการลาสิกขา อดีตพระครูวิจิตรสรการยังคงปิดโทรศัพท์มือถือ และเก็บตัวเงียบ แต่ได้เปรยกับญาติว่าอาจจะเดินทางไปอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกา เนื่องจากมีญาติโยมอยู่มาก

ส่วนบรรยากาศที่วัดศรีบุญเรือง เป็นไปอย่างเงียบเหงา โดยมีพระเพียงหนึ่งรูปที่อยู่ภายในวัด ส่วนพิธีสืบชะตาและบายศรีสู่ขวัญกลุ่ม ส.ส.ขอนแก่น ซึ่งมีกำหนดในวันที่ 7 กุมภาพันธ์นั้น ต้องถูกยกเลิกไปโดยปริยาย ทำให้พานพุ่มและเครื่องประกอบพิธีถูกทิ้งไว้กลางลานวัด

ทั้งนี้ ตลอดช่วงเช้ามีรถกระบะทยอยเข้ามาขนทรัพย์สิน ทั้งตู้เสื้อผ้า โต๊ะ เก้าอี้ไม้สัก ตู้เย็น โทรทัศน์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ อีกหลายสิบชิ้น ออกจากกุฏิของอดีตพระครูวิจิตรสรการ และยังมีชาวบ้านที่ทราบข่าวบางคนแวะมาที่วัด โดยบอกว่าเสียดายความรู้ความสามารถของอดีตพระครูนักเทศน์ พร้อมทั้งให้ความเห็นด้วยว่า สาเหตุที่ทำให้มีพระตุ๊ด เณรแต๋ว เกลื่อนเมือง น่าจะมาจากกฎหมาย หรือระเบียบสงฆ์ยังอ่อนแอ ทำให้พระกลุ่มนี้ไม่เกรงกลัวที่จะออกนอกกรอบ

นายดิเรก ก้อนกลีบ ผู้ว่าฯ ลำพูน กล่าวว่า การลาสิกขาของพระครูวิจิตรสรการ เป็นการพิจารณาตัวเอง เมื่อทำให้ศาสนามัวหมองท่านก็ลาสิกขา ส่วนวิถีชีวิตข้างหน้าจะเป็นอย่างไรก็เป็นสิทธิส่วนตัวของท่าน ส่วนข้อกล่าวหาทั้งหมด ท่านไม่ได้ยอมรับ เพียงแต่รับว่ามีการแต่งหน้า ทาปากเป็นบางครั้งเพื่อให้ดูมีสง่าราศี ส่วนการแปลงเพศไม่ได้ยอมรับ

ผู้ว่าฯ ลำพูนกล่าวว่า ภายในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ เจ้าคณะจังหวัดลำพูนจะแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาส เพื่อให้เข้ามาดูแลวัด หลังจากนั้นจะมาดูว่าทรัพย์สมบัติที่ขึ้นทะเบียนของวัดคงมีอยู่หรือไม่ และจะดูว่าส่วนที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ จะดำเนินการอย่างไร ขณะเดียวกันจะตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายทั้งหมดว่ามีความผิดปกติหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาวัดแห่งนี้ไม่มีคณะกรรมการวัด ปัจจัยที่ได้มาอาจนำไปใช้อย่างอื่นได้ และหากพบว่ามีการนำเงินในส่วนของวัดไปใช้ส่วนตัวก็จะต้องเรียกคืน หากไม่ยอมคืนอาจจำเป็นต้องดำเนินคดีในข้อหายักยอกทรัพย์ได้ ทั้งนี้ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากในการตรวจสอบ

"ในเรื่องของการดำเนินการทางกฎหมาย จะต้องปรึกษาคณะพระผู้ใหญ่ว่า จำเป็นหรือไม่ หรือจะใช้เมตตาธรรมกับคนที่ได้สละตัวเองเพื่อให้พ้นจากความมัวหมองของศาสนา เรื่องนี้ต้องหารือกันก่อน" นายดิเรกกล่าว

ผู้ว่าฯ ลำพูนกล่าวอีกว่า จ.ลำพูนได้ประกาศความเป็นเมืองบุญหลวงแห่งล้านนา ซึ่งหลังจากนี้จะมีการจัดระเบียบพระภิกษุสามเณรให้อยู่ในกรอบ กติกา ของบวรพระพุทธศาสนา โดยภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ จะนิมนต์เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ และเจ้าอาวาสจาก 464 วัดทั้งจังหวัด มาร่วมหารือเพื่อวางมาตรการในการบริหารจัดการแต่ละวัดให้อยู่ในศีลในธรรม และเพื่อให้ จ.ลำพูนเป็นเมืองบุญหลวงแห่งล้านนาอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ จะตั้งคณะกรรมการติดตามประเมินผลเพื่อดูแลพระสงฆ์ สามเณรในวัดทั้งหมด โดยคณะกรรมการชุดนี้จะทำงานร่วมกันระหว่างสำนักงานพระพุทธศาสนา สำนักงานวัฒนธรรม และพระผู้ใหญ่ในคณะสงฆ์จังหวัดลำพูน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงที่ผ่านมา อดีตพระครูวิจิตรสรการ มีศรัทธาหนาแน่น โดยบรรดานักการเมือง ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และนักธุรกิจ ต่างแวะเวียนมาทำบุญ ทอดผ้าป่า ทอดกฐิน และประกอบพิธีสืบชะตา บายศรีสู่ขวัญ แต่ละครั้งสามารถทำเงินเข้าวัดได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งผู้ศรัทธาวัดรายหนึ่งคาดว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา น่าจะมีเงินเข้าวัดไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท

ขณะที่กรรมการชุมชนศรีบุญเรือง เตรียมใช้โอกาสนี้จัดระเบียบฟื้นฟูวัดใหม่ โดยนายสรสิทธิ์ นวลศรี กรรมการด้านวัฒนธรรม ชุมชนศรีบุญเรือง กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีใครรู้สึกเกลียดชังอดีตพระครูวิจิตรสรการ เพียงแต่สะเทือนใจบ้าง เพราะที่ผ่านมาอดีตพระครูวิจิตรสรการได้สร้างคุณประโยชน์ไว้มาก แต่เมื่อเหตุการณ์เป็นอย่างนี้แล้วทุกคนก็อโหสิให้

อย่างไรก็ตาม ถือเป็นโอกาสที่จะมีการจัดระเบียบฟื้นฟูวัดให้เจริญยิ่งขึ้น โดยคณะกรรมการชุมชนได้หารือและเห็นว่า หลังจากนี้ไปจะเข้าไปมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการของวัด โดยเฉพาะการรับพระเณรเข้ามาอยู่ที่วัด จะต้องมีกฎกติกา โดยจะดูประวัติ พฤติกรรม และพระทุกรูปที่เข้ามาจะต้องอาราธนาศีลได้เป็นอย่างน้อย ต้องจบนักธรรมชั้นตรี และอ่านเขียนภาษาล้านนาได้ แต่หากรูปไหนอ่านเขียนไม่เป็น แต่ยินยอมเรียนภาษาล้านนา ก็เป็นข้อยกเว้นได้

ส่วนปัจจัยจากการทำบุญ ทั้งกฐิน ผ้าป่า และอื่นๆ จะต้องมีคณะกรรมการร่วมรับทราบ และมีการจัดทำบัญชีรายรับรายจ่าย ขณะที่การเบิกจ่ายจะต้องอยู่ในความยินยอมของเจ้าอาวาส ไวยาวัจกร และคณะกรรมการอีกหนึ่งคน เพื่อให้เกิดความโปร่งใสที่สุด

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook