เผยภาพ "หมอสุพัฒน์" ถูกจับคาโรงแรมที่เมียนมา

เผยภาพ "หมอสุพัฒน์" ถูกจับคาโรงแรมที่เมียนมา

เผยภาพ "หมอสุพัฒน์" ถูกจับคาโรงแรมที่เมียนมา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตำรวจเพชรบุรี ร่วมทางการเมียนมา จับ “หมอสุพัฒน์” อดีตอายุรแพทย์ รพ.ตำรวจ ผู้ต้องหาหนีคำพิพากษาประหารชีวิตศาลจังหวัดเพชรบุรี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (21 ธ.ค.) เมื่อช่วงสายวันนี้ 20 ธ.ค. ตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดเพชรบุรี นำโดย พ.ต.อ.บัญญัติ เพียรตสวัสดิ์ รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี ร่วมกับทางการเมียนมา จับกุมตัว พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อดีตอายุรแพทย์ โรงพยาบาลตำรวจ ที่หลบหนีคำพิพากษาประหารชีวิตของศาลจังหวัดเพชรบุรี ได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในประเทศเมียนมา

หลังชุดสืบสวนสะกดรอยคนใกล้ชิดพบว่ามีการใช้ช่องทางธรรมชาติข้ามไปยังแนวชายแดนประเทศเมียนมา เพื่อพบกับ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในการควบคุมของทางการเมียนมา รอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแทนกลับมายังไทย

สำหรับคดีของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ศาลจังหวัดเพชรบุรี นัดอ่านคำพิพากษาที่อัยการเป็นโจทก์ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ จำเลยที่ 1 นายอัคร เลาหะวัฒนะ จำเลยที่ 2 และนายเอก เลาหะวัฒนะ จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นบุตรชาย พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ฐานความผิดร่วมกันฆ่า ผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันฝัง ปิดบังซ่อนเร้นศพ เพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตายและกระทำการใดๆ แก่ศพ ก่อนมีการชันสูตรพลิกศพเพื่อการอำพรางคดี

โดยคดีดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อพ.ศ. 2555 นายสว่าง นุ่มจุ้ย เจ้าของไร่สับปะรดใน จ.เพชรบุรี และน.ส.วิมล บุตรสาวได้ไปแจ้งความที่ สภ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี ว่าพบรถกระบะโตโยต้า ไทเกอร์ สีเทา ของนายสามารถ นุ่มจุ้ย กับ น.ส.อรษา เกิดทรัพย์ ลูกชายและลูกสะใภ้ที่หายไปพร้อมรถยนต์นานกว่า 3 ปี จอดอยู่ที่บ้านร้างของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ที่ จ.นนทบุรี

ต่อมามีการสืบสวนขยายผลตรวจค้นบ้านพักในไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ที่บ้านท่ามะริด ต.กลัดหลวง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี พบโครงกระดูกมนุษย์ 3 รายถูกฝังอยู่โดย 1 ในนั้นมีร่องรอยกระสุนปืนที่กะโหลกศีรษะ

เมื่อตรวจพิสูจน์ทางดีเอ็นเอแล้ว พบว่าเป็นโครงกระดูกของนายอีต้า แรงงานชาวเมียนมาที่สูญหายไป เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงติดตามตัว และจับกุมตัว พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ก่อนแจ้ง ข้อกล่าวหา 3 คดีคือค้ามนุษย์ ลักทรัพย์ และฆ่าผู้อื่นโดยปิดบังอำพรางศพโดยพ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ได้ขอประกันตัวสู้คดี

ต่อมาศาลเพชรบุรีนัดพิจารณาคดีฆ่าผู้อื่น แต่ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ไม่ได้มาศาลทั้งยังไม่ได้ให้ตัวแทนมาแสดงเหตุผลต่อศาลว่าผิดนัดด้วยเหตุใด ศาลจึงออกหมายจับ และให้ยึดหลักทรัพย์ประกันขอปล่อยตัวชั่วคราวจำนวน 3 ล้านบาท และอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย

ซึ่งศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานทั้งของโจทก์และจำเลย รวมทั้งพยานคือนายสรพงษ์ หรือ กะลา และนายโย่ง ชาวเมียนมา คนงาน ในไร่ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ให้การตรงกันว่า เหตุการณ์ฆาตกรรมนายอีต้า เกิดเมื่อ ประมาณเดือน ก.พ.2547

เนื่องจาก พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ไม่พอใจที่นายอีต้าสนิทสนมกันนางวิลสา จันทรบัญชร ภรรยาคนที่ 3 ของตัวเอง จึงให้นายกะลาจับกุมนายอีต้าไปไว้ในไร่แล้วใช้อาวุธปืนจ่อยิงก่อนขุดหลุมฝัง โดยมีนายเอกร่วมอยู่ในเหตุการณ์ ส่วนนายโย่งหลบหนีมาได้ ทั้งนี้ ศาลพิจารณา ว่าคำให้การของนายอีต้าและนายโย่งสอดคล้องกัน

นอกจากนี้ ผลการตรวจสอบนิติวิทยา ศาสตร์พบว่า กะโหลกที่ขุดพบในจุดที่นายกะลา ชี้ว่าฝังศพนายอีต้า มีรอยกระสุนปืนและพบเศษชิ้นส่วนกระสุนปืน เมื่อนำกะโหลกไปตรวจสอบดีเอ็นเอเทียบกับ บิดาและลูกชายนายอีต้าพบว่าตรงกัน จึงยืนยันว่าเป็นกะโหลกของนายอีต้า ที่ถูกฆาตกรรมโดยการยิงที่ศีรษะตรงกับคำให้การนายกะลา

ศาลจึงพิพากษาให้ประหารชีวิต พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ และนายเอก เลาหะวัฒนะ บุตรชายข้อหาร่วมกันฆ่าแรงงานชาวเมียนมาโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันฝัง ปิดบัง ซ่อนเร้นศพเพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตายและการกระทำใดๆ แก่ศพ ก่อนมีการชันสูตรพลิกศพเพื่อการอำพรางคดี ส่วนนายอัคร เลาหะวัฒนะ บุตรชายอีกคนที่ร่วมก่อคดี ขณะเกิดเหตุอายุ 19 ปีเศษยังไม่บรรลุนิติภาวะ ศาลลดโทษให้กึ่งหนึ่ง พิพากษาลงโทษจำคุก 25 ปี 3 เดือน

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ (21 ธ.ค.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ยังไม่ได้รับรายงานการควบคุมตัว พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ โดย ยอมรับว่า ได้สั่งการให้ติดตามตัวมาเป็นปีแล้ว ซึ่งหากควบคุมตัวได้จริง ก็มีขั้นตอนการประสานส่งตัวกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook