ผู้ปกครองโรคกำเริบ ขับพุ่งชนนักศึกษาเจ็บ 9 ปั๊มหัวใจจนฟื้น

ผู้ปกครองโรคกำเริบ ขับพุ่งชนนักศึกษาเจ็บ 9 ปั๊มหัวใจจนฟื้น

ผู้ปกครองโรคกำเริบ ขับพุ่งชนนักศึกษาเจ็บ 9 ปั๊มหัวใจจนฟื้น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หนุ่มใหญ่โรคประจำตัวกำเริบ ขณะขับรถออกจากประชุมผู้ปกครองได้เหยียบคันเร่งพุ่งชนกลุ่มนักศึกษา ได้รับบาดเจ็บรวม 9 ราย เกิดอาการช็อก เจ้าหน้าที่กู้ชีพปั๊มหัวใจช่วยเหลือจนฟื้น และพร่ำเพ้อว่าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เหตุการณ์ระทึกนี้เกิดขึ้น เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น.วันที่ 17 พ.ย.59 พ.ต.ต.เสถียร พันธริยเสถียร สว.(สอบสวน) สภ.เถิน อ.เถิน จ.ลำปาง ได้รับแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุรถเก๋งพุ่งชนกลุ่มนักศึกษา ภายในวิทยาลัยการอาชีพเถิน ต.แม่ปะ อ.เถิน จ.ลำปาง มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก

หลังรับแจ้งจึงรีบ ประสานเจ้าหน้าที่กู้ชีพ รพ.เถิน เจ้าหน้าที่ ปภ.ลำปาง สาขาเถิน เจ้าหน้าที่กู้ภัยออมบุญ ให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บอย่างเร่งด่วน โดยจุดเกิดเหตุอยู่บริเวณหน้าตึกวิทยบริการ พบเด็กนักศึกษาจำนวนมากนอนร้องครวญครางอยู่กลางถนน บางรายเป็นลม โดยมีครูและเพื่อนนักศึกษาช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้เร่งให้การช่วยเหลือนักศึกษาและผู้ปกครองที่ได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งหมด 9 คน นำส่งโรงพยาบาลเถิน อย่างเร่งด่วน

กลางถนนพบรถยนต์เก๋งสีเขียว ยี่ห้อฮุนได หมายเลขทะเบียน กจ 1480 ชลบุรี สภาพรถด้านหน้ากระจกแตกร้าวทั้งบาน กันชนหน้าหลุด ทราบชื่อคนขับรถคือ นายศรีวรรณ อายุ 56 ปี เกิดอาการช็อกหมดสติ เจ้าหน้าที่ต้องเร่งปั๊มหัวใจช่วยเหลือ จนฟื้นขึ้นมาได้ นายศรีวรรณก็คร่ำครวญ และเพ้อว่าเสียใจที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น เจ้าหน้าที่ได้เร่งนำตัวส่งต่อโรงพยาบาลลำปาง เพราะเกรงว่าจะเกิดอาการช็อกอีก

จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ทราบว่า ในวันนี้เป็นวันประชุมครูและผู้ปกครองของวิทยาลัยการอาชีพเถิน ภายในวิทยาลัยจึงคึกคักไปด้วยผู้คนจำนวนมาก ซึ่งช่วงเกิดเหตุเป็นช่วงที่เลิกจากการประชุมและช่วงพักเที่ยง จึงมีเด็กนักเรียนนักศึกษาเดินไปมาอยู่ภายในบริเวณวิทยาลัย ขณะที่นายศรีวรรณ คนขับรถเก๋งคันเกิดเหตุ ได้ติดเครื่องยนต์และจะออกตัวรถ ได้เกิดโรคประจำตัวซึ่งเป็นโรคความดัน เร่งคันเร่งส่งไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้พุ่งชนกับกลุ่มนักศึกษาที่เดินไปมาอยู่ริมถนน เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก และยังมีรถเก๋งโตโยต้าสีบรอนด์ทอง ทะเบียน กฉ 6113 แพร่ โดนลูกหลงอีก 1 คัน เจ้าหน้าที่จะได้ทำการสอบสวนหาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งโชคดีที่เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่มีใครได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิต

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook