นายกฯย้ำเร่งแก้ราคาข้าวขอการเมืองอย่าบิดเบือน

นายกฯย้ำเร่งแก้ราคาข้าวขอการเมืองอย่าบิดเบือน

นายกฯย้ำเร่งแก้ราคาข้าวขอการเมืองอย่าบิดเบือน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายกรัฐมนตรี เชิดชูศาสตร์พระราชาเป็นประโยชน์ต่อทั่วโลก ย้ำ แก้ปัญหาข้าวตกต่ำทั้งระบบ ปัดทำลายการผลิต วิถีชีวิตชาวนา ขอการเมืองอย่าบิดเบือน ยึดขั้นตอนกฎหมาย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวผ่านรายการ "ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน" ทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ว่า เมื่อวันที่ 28 ต.ค. ที่ผ่านมา ถือเป็นวันประวัติศาสตร์ ที่มีความสำคัญกับคนไทยและทั่วโลก ที่สมัชชาสหประชาชาติจัดประชุมวาระพิเศษ เพื่อแสดงความอาลัย และสดุดีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในการพัฒนาความเป็นอยู่ให้กับพสกนิกร ตลอดการครองราชย์ 70 ปี สะท้อนให้เห็นถึงการยึดมั่นในพระราชปณิธานที่ว่าจะ "ทรงครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยาม" อย่างแท้จริง ตลอดจน เป็นที่ยอมรับ ในเวทีพหุภาคี นานาประเทศว่า "ศาสตร์พระราชา" ของพ่อหลวงไทยในทุกแขนง ไม่เพียงแต่เพื่อการอยู่ดี มีสุข ของพสกนิกรชาวไทยเท่านั้น หากแต่ล้วนนำมาซึ่งแนวทาง ความคิด และปรัชญาในการพัฒนาที่ยั่งยืน อันเป็นคุณูปการ แก่มวลมนุษยชาติ โดยรวม จนได้รับการยกย่องอย่างสูงสุด จากประชาคมโลก และด้วยสํานึกในพระมหากรุณาธิคุณ น้อมรําลึกในพระปรีชาสามารถ พระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ต่อการวิจัยและพัฒนาข้าวไทย คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติ เมื่อวันที่ 18 ต.ค. ที่ผ่านมา เห็นชอบให้เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เป็น "พระบิดาแห่งการวิจัยและพัฒนาข้าวไทย" ด้วย  

พร้อมกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวต่ออีกว่า ทุกแนวทางการแก้ปัญหาแก่ชาวนาไทย ทั้งมาตรการเฉพาะหน้า และมาตรการยั่งยืน ของรัฐบาลนี้ ได้น้อมนำ "ศาสตร์พระราชา" อันเป็น 1 ในหลักการทรงงาน ก็คือ "การศึกษาอย่างเป็นระบบ" ตั้งแต่ "ต้นทาง" เช่น ที่ดิน แหล่งน้ำ ลมฟ้าอากาศ ปัจจัยการผลิต,"กลางทาง" เช่น แหล่งทุน เครื่องจักรกลการเกษตร โรงสี การแปรรูป และนวัตกรรม และ "ปลายทาง" เช่น ตลาดในประเทศ ซึ่งปัจจุบัน รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำ เป็นอย่างมาก โดยมีมติเห็นชอบ มาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า การสร้างความยั่งยืนให้แก่ชาวนาในระยะยาว รัฐบาลได้มีมาตรการช่วยเหลือทั้งระบบ เป็นขั้นเป็นตอน โดยคำนึงถึงปัจจัยด้านตลาด คือใช้การตลาดนำการผลิต มีการจำแนกแผนการส่งเสริมข้าวและการกำหนดมาตรฐานตามประเภทของข้าว ปรับโครงสร้างการปลูกและผลิตข้าวครบวงจร สร้างความเป็นธรรมให้แก่ชาวนาในกระบวนการผลิตและค้าข้าว ด้วยอาศัยกลไกประชารัฐ พร้อมยืนยันไม่ได้มุ่งหวังทำลายการผลิตข้าว การปลูกข้าวของเกษตรกร ทำลายวิถีชีวิตชาวนา หรือสั่งให้เลิกปลูกข้าวแต่อย่างใด แต่มุ่งหวังจะทำให้ชาวนา มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน รวมถึงในพืชชนิดอื่น ๆ ด้วย 

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า รัฐบาลจำเป็นต้องมีหลายมาตรการชดเชยส่วนต่าง ช่วยเหลือยามเดือดร้อน จากภัยธรรมชาติ หรืออื่น ๆ เท่าที่จำเป็น แต่ต้องไม่ผิดกฎหมาย ไม่เป็นปัญหากับระบบการเงิน การคลังของประเทศ และส่วนหนึ่งต้องแก้ปัญหาหนี้สินชาวนา ซึ่งได้พิจารณาในเรื่องของการชะลอหนี้หรือลดดอกเบี้ย เราโดยไม่ให้เสียกฎกติกาต่าง ๆ ของธนาคาร ยืนยันรัฐบาลได้ทำอย่างรอบคอบ มีการตรวจสอบ จากผู้ผลิตโดยตรง เกษตรกรโดยตรง จึงไม่อยากให้เป็นช่องทางให้ฝ่ายการเมือง หรือปัญหาการเมืองเข้ามาแทรกแซง บิดเบือน เพราะคิดอย่างเดิมไม่ได้อีกต่อไป แต่จะทำอย่างไรจะไม่ทำลายเอกลักษณ์ของประเทศไทย และให้คนไทยทำการเกษตร ทุกชนิดให้มีรายได้เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพ 

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งยังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นอยู่ ว่า รัฐบาลมุ่งเน้น แก้ปัญหาด้วยการพัฒนา การสร้างความเข้าใจ การสร้างความร่วมมือ กับคนทุกกลุ่ม อยากให้คนไทย ทั้งพุทธ และมุสลิม ช่วยกันอย่าให้เกิดความบาดหมาง ซึ่งจุฬาราชมนตรี ก็ได้ร่วมมือกับทางรัฐบาลอย่างดียิ่ง ในการแก้ปัญหานี้ ซึ่งแนวคิ การ "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา" เป็น “ศาสตร์พระราชา” ที่สำคัญอย่างมาก อันเป็นซึ่งพื้นฐานการสนับสนุนการเดินหน้าประเทศ ในช่วงการเปลี่ยนผ่าน วางรากฐานเพื่ออนาคตและการปฏิรูปเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน 

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวอีกว่า หลายเรื่องที่ทุกคนควรมีความเข้าใจเป็นพื้นฐาน ก็คือ ระยะเวลาการทำงานของแต่ละรัฐบาล ไม่เกิน 4 ปี หากรัฐบาลไม่มีเสถียรภาพแล้ว การบริหารราชการแผ่นดิน การพัฒนาประเทศ ก็ไม่สามารถดำเนินการได้อย่างเต็มศักยภาพ จึงเป็นที่มาของความพยายามในการผลักดันให้ประเทศไทย ได้มี "ยุทธศาสตร์ชาติ" 20 ปี ที่ครอบคุลมทุกมิติ แต่ไม่ก้าวก่ายอำนาจในทางบริหาร โดยผลการดำเนินงานของรัฐบาล กว่า 2 ปีที่ผ่านมานั้น ย่อมเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า การบริหารราชการแผ่นดิน ภายใต้ความมีเสถียรภาพทางการเมือง ทำให้บ้านเมืองปลอดภัยสงบสุข ทำให้การเดินหน้าของประเทศเดินหน้าต่อไปได้ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพตามขั้นตอน

ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า การแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรที่ยั่งยืน ควรเริ่มตั้งแต่ การปลูก การแปรรูป การตลาด โดยวิธีที่หลายประเทศทำแล้วได้ผล คือ การรวมแปลงใหญ่" เพื่อการบริหารจัดการปริมาณสินค้า ขณะที่มาตรการของภาครัฐในบางสถานการณ์รัฐบาลจำเป็นต้องออกมาตรการมาช่วยเหลือ เช่น การชดเชยส่วนต่าง แต่เป็นการใช้เท่าที่จำเป็น ถูกต้องตามกฎหมาย และไม่เป็นปัญหากับระบบการเงิน-การคลังของประเทศ 

นอกจากนี้ เรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกรชาวนา รัฐบาลได้ชะลอหนี้สินและลดดอกเบี้ยเงินกู้ 




แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
กำลังโหลดข้อมูล