ร่วมด้วยช่วยกันเตรียมนำชาวลำพูนสักการะพระบรมศพ13พ.ย.

ผู้อำนวยการร่วมด้วยช่วยกัน เผย ประชาชนใช้บริการจุดร่วมด้วยช่วยกันต่อเนื่อง ขณะเตรียมนำชาวบ้าน อ.ลี้ จ.ลำพูน เข้าสักการะพระบรมศพ 13 พ.ย.2559

บรรยากาศบริเวณจุดร่วมด้วยช่วยกัน บริการประชาชน ณ ท้องสนามหลวง ฝั่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยังคงมีประชาชนมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยนายอภิวัฒน์ รัตนนาคินทร์ ผู้อำนวยการร่วมด้วยช่วยกัน เปิดเผยว่า ในวันนี้ยังถือว่าประชาชนยังมาใช้บริการน้อยกว่าทุกวัน เพราะประชาชนส่วนใหญ่ยืนต่อแถวเพื่อเข้าสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้า พระบรมโกศ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท จึงไม่อยากแตกแถวออกมา แต่คาดว่าในช่วงบ่ายจนถึงเย็น จะมีประชาชนมาใช้บริการเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ทางกองอำนวยการร่วมกรุงเทพมหานคร ได้ออกประกาศว่า ทางสำนักพระราชวัง ยินดีต้อนรับพสกนิกรทุกคน โดยขอให้แต่งกายเรียบร้อยเท่านั้น เรื่องอื่นไม่ต้องกังวล

ด้าน น.ส.ศันสนีย์ โมขุนทด ประชาสัมพันธ์ร่วมด้วยช่วยกัน เปิดเผยความคืบหน้าของโครงการร่วมด้วยช่วยกัน บริการประชาชน ผู้เข้าร่วมแสดงความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร ว่า ในวันนี้เจ้าหน้าที่ร่วมด้วยช่วยกันเชียงราย ได้ลงพื้นที่หมู่บ้านพระบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน เพื่อสำรวจจำนวนประชาชนที่จะเข้าร่วมโครงการ แบ่งแยกชาย -หญิง จำนวน 100 คน โดยเจ้าหน้าที่จะเป็นผู้นำประชาชนเดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร โดยรถบัสในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2559 และมาถึงใน กทม. เช้าวันที่ 13 พฤศจิกายน 2559 จากนั้นจะพักเพื่อกินข้าวก่อนจะนำสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้า พระบรมโกศ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ก่อนที่จะร่วมกันบำเพ็ญประโยชน์ ร่วมทำความดีเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล และเดินทางกลับวันที่ 14 พฤศจิกายน 2559

ทั้งนี้ จ.ลำพูน ถือเป็นจังหวัดนำร่อง ที่ทางร่วมด้วยช่วยกันตั้งใจนำประชาชนที่ไม่มีโอกาสและมีความตั้งใจได้เข้ามาสักการะพระบรมศพ โดยประเมินจาก 4 วัตถุประสงค์ คือ

1. เป็นประชาชนที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร 2. อยู่ในโครงการพระราชดำริ 3. เป็นสถานที่ ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เคยเสด็จฯ 4. ประชาชนผู้ที่มีความต้องการจะเดินทางมากราบสักการะพระบรมศพ 

ซึ่งทางโครงการตั้งใจนำประชาชน เข้าสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้า พระบรมโกศ เดือนละ 2 ครั้ง เป้าหมายจำนวน 2,000 คน จากทุกภาคในประเทศ โดยในระหว่างวันที่ 2-12 พฤศจิกายน 2559 จะมีการประชุมร่วมกับองค์กรภาคี และสำรวจประชาชนในจังหวัดต่อไป ซึ่งพื้นที่ต่อไปที่จะทำการสำรวจคือ 3 จังหวัดชายแดนใต้