แพท ณปภา เปิดใจหลังสูญเสียคุณพ่อ เผยอาจเปลี่ยนศาสนา

แพท ณปภา เปิดใจหลังสูญเสียคุณพ่อ เผยอาจเปลี่ยนศาสนา

แพท ณปภา เปิดใจหลังสูญเสียคุณพ่อ เผยอาจเปลี่ยนศาสนา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังจากที่ต้องสูญเสีย "คุณพ่อมิตร ตันตระกูล" ด้วยโรคมะเร็งลำไส้ไปเมื่อช่วงเย็นของวันที่ (18 ก.ค.) ก่อนจะนำไปทำพิธีละหมาด ญานาซะฮ์ ตามประเพณีศาสนาอิสลามแบบเรียบง่าย ณ มัสยิดฮารูณ ย่านเจริญกรุง กรุงเทพฯ ท่ามกลางความเศร้าโศกของญาติและคนสนิทภายในครอบครัวที่เดินทางมาร่วมพิธี

ล่าสุดเช้าวันนี้ (20 ก.ค.) ขณะที่นักแสดงสาว "แพท ณปภา ตันตระกูล" เดินทางมาร่วมบันทึกเทปรายการ "ทูไนท์โชว์" เจ้าตัวก็ได้ถือโอกาสเผยความรู้สึกให้เราฟังว่า...

"ก็เพิ่งจะผ่านพิธีฝังศพคุณพ่อไปค่ะ 24 ชั่วโมง ตามหลักศาสนาอิสลาม และเสร็จจากตรงนี้ปุ๊ปแพทก็ต้องเดินทางไปที่หลุมศพของท่านต่อ เพราะมันยังมีพิธีทำบุญอีก 3 วัน หลังจากนั้นก็คืออีกครั้งตอนครบ 40 วัน ถามว่าสภาพจิตใจของแพทตอนนี้เป็นยังไงบ้าง เอ่อ...แพทเศร้ามา 2 อาทิตย์แล้วค่ะตลอดระยะเวลาที่เห็นท่านป่วย แต่เมื่อวานตอนทำพิธีญาติๆ เขาก็บอกแพทว่า "อย่าร้องไห้คุณพ่อจะได้หมดห่วงสักที" ดังนั้นแพทก็ต้องทำให้ท่านได้ไปอย่างมีความสุขไม่ต้องมีห่วงอะไรแล้วค่ะ"

ก่อนที่ท่านจะจากไปท่านได้พูดสั่งเสียอะไรไว้กับเราไหม ?
"ท่านอยากกินข้าวต้มกับไข่ตุ๋น (ยิ้ม) เอาจริงๆ แพทไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ามันจะมีวันนี้ เพราะที่บ้านแพทก็เตรียมห้อง เตรียมข้าวของเครื่องใช้ไว้ให้ท่านครบทุกอย่าง ถ้าท่านมาอยู่แม่ก็จะได้ไม่เหงา ป๊าก็จะได้ไม่เหงา"

แสดงว่ากับปัญหาต่างๆ ที่เคยมีเรื่องราวฟ้องร้องทุกอย่างก็จบไปหมดแล้ว ?
"ใช่ค่ะ แพทรักเขาเหมือนเดิม แพทรักเขาเท่าเดิม ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรเขาก็คือพ่อ และที่สำคัญแพทเองก็ทนไม่ได้หากต้องเห็นเขาลำบาก ซึ่งก่อนที่เขาจะป่วยเขาเองก็เหงาเพราะเขาเกรงใจแพทเนื่องจากแพทต้องดูแลแม่กับพี่สองคน บวกกับแพทไม่รู้ไงคะว่าครอบครัวเขาทิ้งเขาไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ดังนั้นทุกครั้งที่ส่งเงินให้เขาก็จะคิดว่านำเงินตรงนี้ไปดูแลตัวเองก็ได้ ไม่จำเป็นต้องกลับมาอยู่บ้านให้เป็นภาระแพท ซึ่งแพทไม่ได้รู้สึกแบบนั้น"

เราทราบว่าท่านป่วยมานานหรือยัง ?
"เขาบอกแค่ว่าเขาป่วยปกติ ป่วยเบาหวาน แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย เขาป่วยเป็นมะเร็ง ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่รู้ มารู้อีกทีก็ตอนที่ผ่าตัดเพราะใบประวัติอะไรต่างๆ ก็ไม่มี แพทไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาได้ไปหาหมอตามที่บอกแพทไว้หรือเปล่า"

อาการของท่านที่เราเห็นเป็นยังไงบ้าง ?
"เริ่มแรกเลยก็คือ หมดสติ ตัวผอมมาก น้ำหนักลดแต่ละครั้งคือ 12 กิโลกรัม บางครั้งก็บ่นว่าทานข้าวไม่ได้ จนมาถึงวันที่แกล้ม เท่านั้นแหละค่ะทุกอย่างก็หนักไปหมด ทั้งลำไส้แตกจนช่องท้องติดเชื้อ ต้องล้างถึง 3 ครั้ง แถมแผลผ่าตัดก็ใหญ่ ลำไส้ที่ผ่าออกไปก็ใหญ่ คือมันเป็นแผลที่ใหญ่มากสำหรับคนอายุ 76 ปี แต่ร่างกายแกสู้มากนะคะ เพราะก่อนที่แกจะเสียทางโรงพยาบาลเขาบอกว่า "ป๋าอยากอยู่กับลูกๆ มาก เพราะเม็ดเลือดขาวของป๋าเยอะมากจริงๆ ใจแกอยากสู้ แต่ร่างกายแกไม่ไหวแล้ว" แพทถึงได้บอกกับหมอว่าทำยังไงก็ได้ให้รักษาแกให้เต็มที่ หากหมอทำไม่ได้ก็ให้ย้ายโรงพยาบาลเลย"

แสดงว่าเราก็เพิ่งตรวจพบมะเร็งไม่นาน ?
"เอ่อ...ก็พอตัดลำไส้ไปและนำก้อนเนื้อไปตรวจถึงได้พบว่าเป็นมะเร็งจริงๆ ซึ่งกำลังลามไปต่อมน้ำเหลือง บวกกับแผลผ่าตัดที่ค่อนข้างใหญ่ มันก็เลยส่งผลร่างกายท่านทรุดหนักหลายๆ อย่างพร้อมกัน จนวันที่แกจะไปก็คือหัวใจหยุดเต้น 1 ครั้ง และคุณหมอก็ช่วยปั๊มกลับมา จากนั้นแพทก็ถึงคุยกับที่บ้านว่าจะไม่ปั๊มแล้วนะเพราะว่าแกเจ็บ แต่สาเหตุที่ให้ปั๊มครั้งแรกก็เพราะแพทรู้สึกว่าแพทไม่พร้อมที่จะเสียแกไป"

เสียดายเวลาไหมเพราะเหมือนเราเองก็ได้ดูแลท่านแค่ช่วงสั้นๆ ?
"จริงๆ การดูแลของแพทกับป๋าไม่สั้นนะคะ เพราะที่ผ่านมาถึงท่านจะมีครอบครัวใหม่แต่ท่านก็จะพยายามแวะเวียนมาตลอด ส่งเสียกันมาตลอด เพียงแต่มันเป็นการตัดสินใจของท่านเองที่เลือกจะไม่กลับมา เนื่องจากท่านติดภาระต้องดูแลครอบครัวทางนั้นด้วย แต่แพทก็บอกท่านอยู่เสมอนะว่าถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็ให้กลับมาทันที ซึ่งพอท่านตัดได้และคิดจะกลับมามันก็ไม่ทันซะแล้ว"

เราได้คุยกับคุณแม่ว่ายังไงบ้าง ?
"ในวันแรกที่คุณพ่อเริ่มป่วยแพทก็จะพยายามบอกแม่ว่า ป๋าป่วย แม่ต้องให้อภัยป๋านะ คือแกสองคนเป็นคู่กัดกันมาตั้ง 35 ปี ซึ่งท่านก็ยิ้มๆ หัวเราะ และจากนั้นแพทก็พาแกไปเยี่ยมป๋าที่ห้องไอซียู 1 วัน ตอนนั้นพ่อยังรับรู้นะ และพอท่านได้เห็นว่าแม่กับแพทไปเยี่ยมท่านก็ดูโอเคขึ้น มันเหมือนกับห่วงต่างๆ ที่ท่านมีกับแม่มันได้คลายลงไปแล้ว จากนั้นร่างกายท่านก็เริ่มทรุดลงเรื่อยๆ ตามอาการป่วยของแก"

"วันสุดท้ายที่ไปฝังระหว่าง 24 ชั่วโมง ที่คุณพ่อเสีย เราก็นำร่างท่านไปมัสยิดตอนเช้าเพื่อทำพิธี จากนั้นพอถึงช่วง 16.15 น. ก็ได้ทำการฝังร่างท่านค่ะ"

เห็นว่าตัวเราเองก็ได้ทำตามความต้องการของคุณพ่อด้วยเรื่องการแต่งชุด ?
"แพทต้องอธิบายก่อนว่าในครอบครัวแพทมันมีการแบ่งชัดเจนแล้วว่า ลูกชายคือของพ่อ และลูกสาวคือของแม่ แต่ในเมื่อวันนั้นคือวันสุดท้ายของท่าน และเราก็จัดพิธีแบบมุสลิม เราก็น่าจะทำให้มันเต็มที่และสวยที่สุดดีกว่าไหม ดังนั้นแพทก็เลยคุยกับญาติๆ ว่าเราจะทำให้ท่าน"

แสดงว่าตัวเราเองก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนศาสนาเป็นอิสลาม ?
"ณ ตอนนี้ยังค่ะ แต่ในอนาคตก็ไม่แน่ คือมันเป็นสิ่งที่พี่ๆ ของแพทหวังไว้ เพราะอย่างที่ทราบแม่ของแพทเป็นพุทธ และแพทจำเป็นจะต้องดูแลแม่ แต่ถ้าหากวันหนึ่งเกิดคุณแม่จากไป พี่ๆ เขาก็อยากให้แพทกลับไปอยู่กับเขา ซึ่งแพทก็รับฟังและก็รับปากไว้ว่าถ้าถึงวันนั้นให้เรามาคุยกันใหม่ รวมถึงพี่ๆ เขาก็ขออีกว่าหากคุณแม่เสียจะให้ทำพิธีของคุณเป็นแบบมุสลิมด้วยได้ไหม ซึ่งเรื่องนี้แพทไม่ได้มองว่าเป็นปัญหาเลย เอาจริงๆ ตอนแรกคุณแม่เคยสั่งเสียกับแพทไว้ว่าท่านอยากให้เผา แต่ ณ ตอนนี้ท่านก็ไม่รู้เรื่องอะไรแล้ว คุณพ่อก็เสียแล้ว รวมถึงพี่ๆ ก็ขอมา ดังนั้นแพทก็ฟังพี่นะ แพทก็เลยบอกว่าได้ค่ะ ไม่มีปัญหาอะไร"

ในวันที่ฝังคุณพ่อ แม่เราท่านมีปฏิกิริยายังไงบ้าง ?
"ท่านยิ้มตลอดเวลา คือปกตินิสัยแก แกจะเป็นคนที่หงุดหงิดง่ายมากถ้าหากมีคนเยอะๆ แต่วันนั้นแกแฮปปี้มาก คงเป็นเพราะเป็นวันรวมญาติทุกคนจริงๆ บรรยากาศมีแต่รอยยิ้ม ซึ่งมันก็ทำให้แพทรู้สึกดีนะ แพทคิดว่ามันคงหมดกันแล้วจริงๆ คุณพ่อจะได้ไปสบาย"

อะไรทำให้เราถึงยังยิ้มและลุกขึ้นสู้ได้ขนาดนี้ ?
"คนเรามีเกิดแก่เจ็บตายใช่ไหมคะ สิ่งที่คุณพ่อเป็นแพทก็ไม่สามารถห้ามได้ แต่ระหว่างนั้นแพทก็พยายามรักษาท่านเต็มที่ ทิ้งงานทุกอย่างเพื่อกลับมาดูเขา และพอมันถึงเวลาหากยื้อต่อไปท่านก็จะยิ่งเจ็บ ดังนั้นสิ่งเดียวที่แพททำให้เขาได้คือทำให้เขาไปสบายที่สุด แต่ถามว่าแพทเข้มแข็งไหม แพทไม่ได้เข้มแข็งหรอกค่ะ แต่เราเสียใจมามากแล้ว เสียใจจนคนรอบข้างต้องบอกให้แพทหยุดและกลับมามีสติกับโรคความจริง เพราะยังมีอีกหลายคนข้างหลังที่แพทต้องดูแล"

เราเสียใจไหมเพราะเหมือนเราเองก็เคยวาดภาพไว้ว่าอยากให้ครอบครัวกลับมาอยู่ด้วยกัน ?
"นิดหน่อยค่ะ เพราะเคยแอบคิดนะว่าถ้าพ่อกลับมาก็อยากให้พ่อกับแม่ได้อยู่ด้วยกัน ได้รออุ้มหลานพร้อมๆ กัน แพทอยากให้เขาเห็นว่าแพทไม่ได้อยู่คนเดียว เขาจะได้สบายใจ"

คนรอบข้างเข้ามาให้กำลังใจเยอะไหม ?
"เยอะมากค่ะทุกคนน่ารักมาก แต่ด้วยความที่เป็นพิธีอิสลามก็เลยทำให้แพทไม่ได้เชิญใครมากมาย บวกกับงานวันนั้นเราทุกคนอยากให้เขาได้ไปสบายมากที่สุด ไม่ต้องมีคนเศร้าโศกให้เขาเห็น เราก็เลยแต่งชุดสวยๆ ไปไว้อาลัยให้เขา ไปส่งเขาสู่ที่ดีๆ ส่วนพี่ๆ น้องๆ ในวงการแพทต้องขอบคุณมากนะคะทุกคนน่ารักมาก ส่งข้อความโทรมาให้กำลังใจกันตลอด"

พี่เบนซ์เขาให้กำลังใจยังไงบ้าง ?
"เขาก็เสียใจนะคะแต่เขาก็ทำตัวไม่ถูก แต่วันงานเขาไม่ได้มานะคะเนื่องจากช่วงที่คุณพ่อจากไปมันเป็นอะไรที่ฉุกเฉินจริงๆ บวกกับตัวพี่เบนซ์เองเขาก็มีภารกิจต้องทำ ซึ่งตอนแรกเขาจะตีรถกลับมาและก็ส่งข้อความมาหาตลอด เช็คกับคนรอบข้างตลอดว่าแพทเป็นยังไงบ้าง "

การที่เราดูแลทุกคนมีความรู้สึกเหนื่อยหรือท้อบ้างไหม ?
"ไม่เลยค่ะแพทชอบให้ทุกคนอยู่ใกล้ๆ นะ คือถ้าทุกคนในครอบครัวรักกันใครก็ทำอะไรเราไม่ได้ (ยิ้ม)"

เห็นเราบอกว่าเราอยากมีหลานให้คุณพ่อคุณแม่ จริงๆ ได้วางแผนไว้ยังไงบ้าง ?
"ไม่ทันแล้ว (ยิ้ม) จริงๆ แพทวางแพลนไว้ว่าจะเป็นช่วงที่อายุแพทครบ 32 คืออีก 2 ปี แพทจะมีน้อง และถึงตอนนั้นแพทก็จะไปหาคุณหมอเพื่อปรึกษาว่าแพทควรทำยังไง เนื่องจากแพทมีซีสที่มดลูก ก็เลยทำให้มีลูกยาก"

แสดงว่าเราก็ได้คุยกับพี่เบนซ์บ้างแล้ว ?
"เราแค่คุยกันเฉยๆ คุยกันแบบลอยๆ ว่าแพทอยากมีลูก อยากมีลูกให้ทันพ่อกับแม่แพทจะต้องทำยังไง ซึ่งพอเขาได้ยินแบบนั้นเขาก็บอกกลับทันทีเลยว่า "ก็ดี ก็น่าจะพร้อมแล้วมั้ง" คือเขาอายุเท่าแพทไงคะ ตอนนี้มันก็เลยกลายเป็นข้อคิดที่เรานำกลับมาทำการบ้านเฉยๆ"

ได้มีการคิดถึงเรื่องแต่งงานบ้างไหม ?
"ผู้ชายอยากแต่งค่ะ ถามว่าเร็วไปไหม ไม่เร็วค่ะเพราะเรารู้จักกันมานานแล้ว และบ้านเขาก็ดีกับแพทมากๆ แต่ตัวแพทเอง แพทไม่ได้อยากแต่งงาน แพทมองว่าถ้าจะจัดงานแต่งเอาเงินตรงนั้นมาให้แพทดีกว่า แพทจะได้เอาเงินไปให้แม่ เพราะเรายังมี ค่ายา ค่าอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องจ่ายทุกเดือน และสมมุติถ้าจัดงานแต่งจริงๆ พ่อแม่แพทที่ป่วยจะให้ท่านไปนั่งปรบมือในงานเหรอ คือมันไม่มีเหตุผลให้ต้องจัดงานจริงๆ แพทแค่อยากให้เขามาไหว้พ่อไหว้แม่เฉยๆ ซึ่งเขาก็ทำไปแล้วด้วย"

เรียกว่าเป็นการสู่ขอกันแล้ว ?
"น่าจะไหว้แสดงตัวมากกว่า ไม่น่าจะเป็นการสู่ขอหรอก คือเขาโชคดีมากนะ เขาได้เจอกับพ่อแพทด้วย งานเดียวเขาเจอกับครอบครัวแพททุกคนเลย"

แสดงว่าเราเองก็มั่นใจในตัวเขาแล้ว ?
"ไม่มั่นใจค่ะ คือแพทแค่อยากมีลูกเฉยๆ มันเป็นแพลนที่แพทวางไว้นานแล้ว ส่วนคุณเบนซ์ถ้าหากเราเข้ากันก็ได้ใช่ แต่ถ้าเข้ากันไม่ได้ก็ไม่เป็นไร"

เราได้มองไว้ไหมว่าจะทำยังไงหากคิดจะมีลูก ?
"คุณหมอบอกว่าแพทเป็นคนที่มีลูกยากมาก และแพทต้องกินยาคุมตั้งแต่แพทอายุ 20 ปี และตอนนี้ก็ครบ 10 ปีแล้วด้วย เนื่องจากแพทต้องคอยคุมระดับฮอร์โมนส์เพื่อไม่ให้ซีสโต คือมันลำบากมากจริงๆ ส่วนวิธีอื่นๆ ถามว่าได้มองไว้บ้างไหม เอาตรงๆ เลยนะ ไม่ได้มองเลย เพราะอะไรที่เสียเงินแพทจะคิดไว้ท้ายๆ"

จากนี้หากอีก 2 ปี เห็นว่าเรามีลูกก็ไม่ต้องตกใจ ?
"ไม่ต้องตกใจเลยค่ะ แพทแค่อยากมีลูกให้ทันแม่แพทเท่านั้นเอง แพทอยากให้แม่อวยพรทัน เพราะพ่อไม่ทันแล้วคนหนึ่ง หากเขาจะมาก่อนเราก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร (ยิ้ม)"

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ ของ แพท ณปภา เปิดใจหลังสูญเสียคุณพ่อ เผยอาจเปลี่ยนศาสนา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook