“คุกไม่ช่วยอะไร” ย้อนดู 5 คดีสะเทือนขวัญสันดานคนไม่เปลี่ยน

“คุกไม่ช่วยอะไร” ย้อนดู 5 คดีสะเทือนขวัญสันดานคนไม่เปลี่ยน

“คุกไม่ช่วยอะไร” ย้อนดู 5 คดีสะเทือนขวัญสันดานคนไม่เปลี่ยน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นับวันการเกิดอาชญากรรมและความรุนแรงยิ่งทวีคูณขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคดีฆ่าข่มขืนที่เกิดเหตุไม่เว้นแม้แต่ละวัน สร้างความสะเทือนขวัญให้กับสังคมเป็นอย่างมาก เพราะคนร้ายเดินลอยนวลอยู่ทั่วไปและไม่รู้ว่าวันเวลาใดจะกลายร่างเป็นอาชญากร

จากในหน้าข่าวกับคดีข่มขืนหญิงสาวที่ตกเป็นเหยื่อมีตั้งแต่เด็กเล็กเรื่อยไปจนถึงคนสูงวัยก็ไม่เว้นเมื่อสติสัมปชัญญะได้ขาดลง และเมื่อพลิกแฟ้มประวัติคนร้ายมีหลายคดีที่ผู้ต้องหาเคยก่อเหตุอนาจารมาก่อน จนเกิดการย่ามใจ พร้อมลงมือทุกครั้งที่มีโอกาส

แม้ว่าคนร้ายเหล่านี้จะได้รับโทษถูกกักขังในคุกตะราง แต่กลับไม่สำนึกผิดชอบชั่วดีออกมาทำผิดซ้ำซาก คนทำผิดหากเดินเข้าคุกด้วยการสำนึกผิดต่อบาปพร้อมกลับตัวกลับใจออกมาใช้ชีวิตเป็นคนดีของสังคมย่อมเป็นเรื่องที่ดี แต่ไฉนคุกกลับไม่เป็นเช่นนั้นสำหรับบางคนที่คุกก็ไม่ได้ช่วยอะไรจริงๆ 

ย้อนกลับไปดู 5 เหตุการณ์ คนร้ายก่อคดีสะเทือนขวัญฆ่าข่มขืนอย่างโหดเหี้ยม แม้จะเคยถูกต้องโทษในคดีเดิมๆ มาแล้ว

- เหตุสะเทือนขวัญที่มีเด็กเป็นเหยื่อ คดีน้องการ์ตูน วัย 6 ขวบถูกลวงไปฆ่าข่มขืนบริเวณป่ารกร้างติดสถานีรถไฟฟ้าแบริ่ง บางนา เมื่อเวลา 23.00 น. ของวันที่ 6 ธันวาคม 2558 ที่ผ่านมา 
ผู้ต้องหาคือ นายหนุ่ย หรือติ๊งต่าง อายุ 36 ปี

สารภาพว่า "เวลาเมาผมจะเกิดอารมณ์ทางเพศ ควบคุมตัวเองไม่ได้ พอพบน้องการ์ตูน ซึ่งอยู่คนเดียว จึงออกอุบายพาไปเดินเล่น ก่อนฉุดเข้าพงหญ้าข้างทางบริเวณปากซอยลาซาล และข่มขืนกระทำชำเรา แต่น้องการ์ตูนขัดขืน จึงใช้มือบีบคอจนแน่นิ่งไป ซึ่งเหตุลักษณะนี้ผมเคยทำมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง เริ่มตั้งแต่ปี 2551 หลังพ้นโทษในคดีพรากผู้เยาว์ จากเรือนจำจังหวัดขอนแก่น
"ผมจะเลือกเหยื่ออายุประมาณ 12-13 ปี ที่เดินตามลำพัง ทำมาเยอะ แต่ที่ฆ่าคือ 4 ราย รวมทั้งน้องการ์ตูน ส่วนที่เหลือหลังข่มขืนเสร็จ ก็ปล่อยเด็กกลับบ้านไป"

จากการตรวจสอบประวัติพบว่า นายหนุ่ย เคยก่อเหตุกับเหยื่อมาแล้วนับ 10 ราย ฆ่าตายมาแล้ว 4 ศพ ติดคุกคดีพรากผู้เยาว์มาแล้ว พอพ้นโทษก็กลับมาก่อเหตุอีกหลายครั้ง หากเข้าคุกอีกก็คงไม่ช่วยอะไร พฤติกรรมแบบนี้เป็นภัยกับสังคมอย่างยิ่ง

- คดีสะเทือนขวัญบนรถไฟ อีกคดีหนึ่งของคนไทย คนร้ายลงมือก่อเหตุอย่างโหดเหี้ยมเข้าไปข่มขืนเหยื่อ แล้วโยนศพออกจากหน้าต่างรถไฟ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2557 เด็กหญิง วัย 13 ปี หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ญาติตามหาทั่วขบวนรถก็ไม่พบ กระทั่งมาพบศพอยู่ริมป่าหญ้าข้างทางรถไฟในอำเภอปราณบุรี

ผู้ต้องหาในคดีนี้คือพนักงานทำความสะอาดรถไฟประจำขบวนนี้ ชื่อ นายวันชัย แสงขาว หรือ เกม สารภาพว่า ได้เสพยาบ้าไป 3 เม็ด และดูคลิปลามก ก่อนที่จะดื่มเบียร์และก่อเหตุสุดสลด โดยใช้หมอนกดหน้าและเอามือบีบคอจนน้องสลบ ซึ่งตอนนั้นไม่รู้ว่าเด็กหญิงเสียชีวิตหรือไม่ จากนั้นได้เปิดหน้าต่างเพื่อให้เสียงภายนอกเข้ามา ก่อนที่ลงมือข่มขืน จากนั้นได้พาดร่างของเด็กหญิงไว้กับหน้าต่างรถไฟ และผลักร่างของน้องทิ้งลงกลางทาง

นอกจากนี้ยังสารภาพว่าเคยก่อเหตุข่มขืนพนักงานสาวของการรถไฟฯ มาแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ไม่ได้ฆ่า และผู้เสียหายทั้ง 2 รายเกิดความอับอายไม่กล้าไปแจ้งความ ทำให้ย่ามใจก่อนจะก่อเหตุซ้ำ 
จากการตรวจสอบประวัติพบว่านายวันชัย พบว่าเคยต้องโทษเกี่ยวกับคดีค้ายาเสพติดมาแล้ว 2 ครั้ง

นับว่าเป็นคดีสะเทือนขวัญคนไทยเป็นอย่างยิ่งและคนร้ายคือเจ้าหน้าที่เสียเอง แม้จะเคยถูกคดียาเสพติดถึง 2 ครั้ง ก็ยังกลับมาเสพอีกและยังกล้าที่จะก่อเหตุอย่างโหดเหี้ยม แม้จำคุกอีกครั้งก็คงไม่ช่วยอะไร

- คดีฆ่าโหดเด็กหญิงรูปร่างหน้าตาดีหุ่นดีวัย 16 ปี รับวันสงกรานต์ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2558 พบร่างผู้หญิงวัยรุ่นนอนตายในสภาพนอนคว่ำหน้า ใบหน้าและตามตัวพบรอยช้ำจากการถูกทำร้าย ที่ลำคอพบถูกรัดด้วยเชือกกางเกงยี่ห้อเจ.เจ.สีขาว คาดว่าถูกข่มขืนแล้วฆ่า

ผู้ต้องหาคือเพื่อนบ้านและเป็นลูกผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน คือ นายเฉลิมพล อายุ 27 ปี ได้ขอเข้ามอบตัวหลังหนีคดีไปถึง 2 เดือน สารภาพว่า วันเกิดเหตุเห็นเด็กหญิงรูปร่างหน้าตาดีขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมา จึงเข้าไปขวางรถและจับถอดเสื้อผ้าข่มขืนแต่ไม่สำเร็จ โดยใช้เชือกหูกางเกงกีฬามัดมือมัดคอ ขณะนั้นเห็นเด็กหญิงนอนแน่นิ่งไปเลยลากเข้าไปทิ้งในป่า โดยไม่รู้ว่าเสียชีวิตหรือยัง ก่อนหลบหนีกลับบ้าน

นอกจากนี้ยังสารภาพว่ามีคดีข่มขืนสาวใหญ่ที่บริเวณบ่อขยะข้างห้างโลตัสสาขาโคกสำโรง เมื่อวันที่ 27 พ.ย.57 อีกคดี แม้เคยทำผิดมาแล้วแต่ด้วยความย่ามใจความสำนึกไม่มี คุกคงไม่ช่วยอะไรอีกต่อไป

- เหตุการณ์ในวันที่ 31 พฤษภาคม 2559 ด.ญ.วัย 13 ปีถูกลักพาตัวหายไปขณะปั่นจักรยานกลับบ้าน และพบกลายเป็นศพถูกฆ่าโหด รัดคอ มีรอยถูกตีที่กลางศีรษะจนกะโหลกศีรษะแตก ลอยอืดในคลองห้วยแร้ง สภาพศพที่ไม่สวมกางเกงใน และตะขอกระโปรงถูกแกะออก คาดว่าน่าจะมีการล่วงละเมิดทางเพศ

ผู้ต้องหาคือ นายสมพงษ์ วงศ์ทอง อายุ 55 ปี ได้ลักพาตัว ด.ญ.วัย 13 ปี มาจากโรงเรียน และได้ผูกคอตายหนีความผิดเมื่อเช้าวันที่ 27 พ.ค. 59 ก่อนจะพบศพไม่กี่วันหลังจากนั้น จากการตรวจสอบประวัตินายสมพงษ์ พบว่าเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว เคยก่อเหตุร่วมกันฆ่าผู้อื่นมาแล้ว 1 ครั้ง

ก่อนที่ นายสมพงษ์ จะบวชที่วัดแห่งหนึ่งใน ต.ท่าพริก และเมื่อบวชได้ประมาณ 15 พรรษา เริ่มมีเรื่องฉาวเกี่ยวกับสีกาจึงชิงสึกออกมาใช้ชีวิตเป็นชาวบ้านปกติ ก่อนจะมาก่อเหตุลักพาตัวแล้วฆ่า ด.ญ.วัย 13 ปี แม้ขนาดเคยบวชเป็นพระก็ไม่ช่วยสำนึกอะไร และยังหนีความผิดด้วยการผูกคอตาย

กระทั่งคดีสะเทือนใจล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2559 คนร้ายฆ่าโหดปาดคอเกือบขาด น.ส.จุฬารัตน์ โทวรรณา หรืออิ๋ว อายุ 27 ปี ครูอัตราจ้าง เหตุเกิดตอนกลางดึก ซึ่งคนร้ายไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นเพื่อนห้องเช่าเดียวกันและรู้จักกับผู้ตายด้วย คือ นายชาตรี ร่วมสูงเนิน อายุ 27 ปี 

นายชาตรี เคยถูกจับคดีข่มขืนภรรยาเพื่อน เมื่อปี 2556 ถูกจำคุก 1 ปี 8 เดือน และ พ้นโทษออกมาเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว จากคำรับสารภาพบอกว่าแอบชอบผู้ตายและหวังชิงทรัพย์ แม้จะเพิ่งออกจากคุกก็กลับมาก่อคดีเหมือนเดิมคือข่มขืน แต่ครั้งนี้ได้ฆ่าปาดคอเจ้าทุกข์อย่างโหดเหี้ยม คุกไม่ได้ช่วยให้สำนึกต่อบาปเลยแม้แต่น้อย

จาก 5 เหตุการณ์ข้างต้นแสดงให้เห็นว่าคนร้ายไม่ยำเกรงต่อกระบวนการยุติธรรม ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ทำให้อาชญากรเหล่านี้ออกมาก่อกรรมทำผิดซ้ำซาก บวกกับพฤติกรรมขาดมโนสำนึกที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ คุกตะรางคงไม่ช่วยอะไร 

ถามว่าถึงเวลาแล้วหรือยัง? ที่ประเทศไทยจะต้องจริงจังเสียทีกับพวกฆ่าข่มขืน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook