ชวลิตกราบนมัสการสมเด็จช่วง-ปัดคุยคดีพระธัมมชโย
Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
//s.isanook.com/ns/0/ud/400/2004414/702656-01.jpgชวลิตกราบนมัสการสมเด็จช่วง-ปัดคุยคดีพระธัมมชโย

ชวลิตกราบนมัสการสมเด็จช่วง-ปัดคุยคดีพระธัมมชโย

2016-06-01T10:37:00+07:00
แชร์เรื่องนี้

'พล.อ.ชวลิต' เข้ากราบนมัสการขอพร สมเด็จช่วง ยันไม่มีนัย ไม่คุยคดี พระธัมมชโย เชื่อ DSI รู้ดี ต้องทำอย่างไร แนะระวังมือที่ 3 ป่วน แนะฝ่ายสงฆ์ดู

พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้ากราบนมัสการ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือ สมเด็จช่วง ที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ โดยระบุว่าตั้งใจจะมาพบกับ สมเด็จช่วง ตั้งแต่วันครบรอบวันเกิด เมื่อวันที่ 25 พ.ค. ที่ผ่านมา เพื่อมาขอบารมีของ สมเด็จช่วง ให้มีความสุข แข็งแรง ทำงานเพื่อบ้านเมือง และขอให้ประเทศชาติเจริญก้าวหน้า หลุดพ้นจากปัญหาต่าง ๆ ให้คนไทยรักกัน

ทั้งนี้ พล.อ.ชวลิต ยังกล่าวว่า การเข้าพบ สมเด็จช่วง ครั้งนี้ไม่ได้มีนัย แต่มีความห่วงใยต่อสถานการณ์บ้านเมือง พร้อมกล่าวถึงเรื่องจับกุม พระธัมมชโย ไม่ใช่ความวุ่นวาย และเชื่อว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ รู้หน้าที่ แต่ขอแนะนำให้เข้าไปกราบ พระธัมมชโย และแจ้งให้ทราบ ซึ่งหากเป็นเรื่องของสงฆ์ ก็สามารถที่จะจัดการกันเองได้ แต่หากเป็นเรื่องของความมั่นคง เจ้าหน้าที่ควรจะเข้าไปดูแล แต่ควรมีการจัดการที่ดีเพราะมีมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และ พ.ร.บ.สงฆ์ ดูแลอยู่ ขอให้ทุกฝ่ายใจเย็น ๆ ดูอยู่ห่าง ๆ ระวังผู้ที่ไม่หวังดี หรือ มือที่ 3 สร้างสถานการณ์ พร้อมยืนยันว่าตนไม่ใช่พวกของ พระธัมมชโย หรือ หลวงปู่พระพุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จังหวัดนครปฐม

พร้อมกันนี้พล.อ.ชวลิต ยังกล่าวว่า รัฐธรรมนูญ เป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ แต่ไม่ได้เป็นสิ่งสำคัญสูงสุด เพราะสิ่งสำคัญที่สูงสุดคือ ความอยู่รอดของชาติ ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี และเป็นผู้ห่วงใยประเทศชาติบ้านเมือง จึงอยากให้ข้อคิดว่า พระพุทธศาสนา เป็นองค์ประกอบสำคัญของชาติ หรือที่เรียกว่า องค์คุณของชาติ ที่ประกอบด้วย ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หากมีสิ่งที่มากระทบ จะทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศ ถือเป็นเรื่องของทุกคน หากจะปฏิบัติตามกฎหมาย แต่ทำให้สิ่งสำคัญหรือความเป็นชาติสูญเสียไปนั้นคงทำไม่ได้ จึงเป็นสิ่งที่อยากเตือนให้ทุกคนเข้าใจในเรื่องนี้

นอกจากนี้ พล.อ.ชวลิต ยังกล่าวถึงการผ่อนปรนคำสั่ง คสช. ให้นักการเมือง และนักวิชาการ สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ ยกเว้นคนที่มีคดีนั้น ว่า คสช. และ นายกฯ พยายามทำงานอย่างเต็มที่ ตนเองก็เห็นใจและเข้าใจ ซึ่งเมื่อผ่อนปรนคำสั่ง ก็ทำให้ทุกอย่างดีขึ้น นายกฯ ก็น่ารักขึ้น ส่วนตัวหากจะเดินทางออกนอกประเทศ ต้องขออนุญาตศาลก่อนทุกครั้ง เพราะมีคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ปี 2551 ส่วนที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. จะถอนฟ้องหรือไม่นั้นตนเองไม่ทราบ แต่เชื่อว่าความยุติธรรมต้องมี เพราะสัจธรรมเป็นอย่างนั้น