เคราะห์ซ้ำกรรมซัด! หนี้ท่วมตัว อาศัยข้าววัด "ปุ๊กกี้ ปนัดดา" ดาวนู้ดเอเชียตกอับ

เคราะห์ซ้ำกรรมซัด! หนี้ท่วมตัว อาศัยข้าววัด "ปุ๊กกี้ ปนัดดา" ดาวนู้ดเอเชียตกอับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook


"ช่วงที่เงียบหายไปจากวงการก็ไปลงทุนทำธุรกิจเปิดร้านนวดแผนไทยร้านอาหารก็ไม่ดีเท่าไหร่ และก็ประสบอุบัติเหตุรถชนเต้านมแตกก็ต้องรักษาตัว ชีวิตเป็นอย่างนี้บ่อยดูเหมือนจะดีขึ้นก็แย่ลง น้อยใจชีวิตแต่ก็ไม่โทษตัวเองเราก็คิดว่าเริ่มต้นชีวิตมามันก็ไม่ได้มีอะไรเลย ตอนนี้จะไม่เหลืออะไรอีกก็ช่างมันเถอะ"

จบประโยคคำพูดนี้น้ำตาของ(อดีต) นางแบบนู้ด "ปุ๊กกี้ ปนัดดา วิมศิริ" ก็ไหลนองเต็มหน้าแม้เธอจะพยายามฝืนกลั้นแบบสุดขีด แต่ความทุกข์ที่แสนสาหัสอยู่ในใจนั้นทำให้เธอไม่สามารถจะเก็บความรู้สึกเอาไว้ได้ ย้อนกลับไปช่วงเวลา พ.ศ. 2531 วงการนางแบบได้แจ้งเกิดนางแบบสาวที่มีดีกรีเป็นถึงนางงามเอเชีย จากนั้นเธอก็เพิ่มระดับความเซ็กซี่ด้วยการถ่ายแฟชั่นชุดว่ายน้ำและในที่สุดก็ก้าวไปสู่นางแบบนู้ด

ซึ่งในระยะแรกส่งผลให้ชีวิตของเธอนั้นรุ่งเรืองทั้งชื่อเสียงและเงินทอง แต่แล้วชีวิตก็พลิกผันราวกับเคราะห์ซ้ำกรรมซัดจากชีวิต "ดาวนู้ดเอเชีย" กลายเป็น "ดาวนู้ดตกอับ" ชีวิตคู่ล้มเหลว หนี้สินท่วมตัว และในบางครั้งไม่มีเงินซื้อข้าวต้องอาศัยข้าววัด ซึ่งการเปิดใจทั้งน้ำตาครั้งนี้เธอหวังเพียงว่าประสบการณ์ชีวิตของเธอที่ผ่านมาจะเป็นบทเรียนสอนใจให้กับหลายๆ คน

"ปุ๊กกี้ ปนัดดา" ก่อนจะเป็นดาวนู้ด

"ก็เป็นเด็กบ้านนอกติดดินธรรมดาที่บ้านก็ทำไร่ทำส่วนที่จังหวัดชัยภูมิ พอโตมาจำความได้ก็ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของพ่อแม่เขาก็แยกทางกัน แม่ก็เป็นผู้หญิงเก่งเลี้ยงลูกคนเดียว 5 คน เราก็เห็นชีวิตแม่ลำบากสู้ตลอดมาหัวหกก้นขวิดมาด้วยกันแม่ลูก แล้วช่วงอายุ 10-11 ขวบ พี่ชายกับอาเขาทำงานอยู่ที่มหาชัย พอปิดเทอมแม่ก็จะพามาหามาเยี่ยม แล้วทีนี้มีคุณหญิงและก็ท่านนายพลเขาเห็นเราเป็นเด็ก เดินไปเดินมาไปซื้อของเดินผ่านหน้าร้านเขา เขาก็เรียกว่าเด็กคนนี้หน้าตาน่ารักดีดูมีแววฉลาดนะ เขาชอบเขาเอ็นดูบ่อยครั้ง ๆ เขาก็เลยขอเป็นลูกบุญธรรม ก็เลยทำให้มีโอกาสได้มาอยู่กรุงเทพ ชีวิตมันก็เปลี่ยนไปแต่ในขณะนั้นเรายังเด็กอยู่ เราก็ไม่ได้รู้สึกมากว่ามันเปลี่ยนอะไร แต่รู้สึกเสียดายโอกาสที่ได้อยู่ที่ต่างจังหวัด เป็นเด็กลิงๆ ซน ๆ ได้ ชอบชีวิตแบบติดดินปีนต้นไม้กระโดดน้ำแบบนั้น"

แม้ชีวิตจะสุขสบายเป็นลูกบุญธรรมของคุณนายและนายพล แต่จุดพลิกผันของชีวิต "ดาวนู้ดปุ๊กกี้" ก็เกิดขึ้นเมื่อเธอได้เห็นโฆษณารับสมัครประกวดสาวสวยสิบสุดยอดนางแบบ บวกกับความเป็นวัยรุ่นที่กำลังโตเป็นสาวจึงทำให้เธอนั้นอยากลิ้มลองชีวิตในวงการบันเทิง

"อยู่กับพ่อแม่บุญธรรมมา 5- 6 ปี ก็เริ่มโตเป็นสาวอายุก็ 17-18 คิดว่าตัวเองเป็นสาวแล้วก็ได้ดูรายการทีวีช่อง 5 เขาโฆษณาว่ารับสมัครสาวสวยสิบสุดยอดนางแบบความสูงไม่ต่ำกว่า 168 - 170 เซนติเมตร มีความมั่นใจบุคลิกดี ก็คิดว่าตัวเองมีแค่ความสูง ก็เลยไปสมัครพอสมัครเสร็จเรียบร้อยก็นัดวันประกวด จนประกวดเสร็จก็ได้ติดหนึ่งในสิบ"

"ที่นี่พอติดหนึ่งในสิบก็ได้เดินแบบกับคุณอา สมชาย นิลวัน ออกอากาศทุกวันพุธของช่อง 5 ตอนนั้นช่วงปี 2531 ได้ค่าตัวเทปละ 800 ก็ได้ทำอยู่นานเป็นปี คนก็เริ่มเห็นเราบ่อย ๆ ก็มีโมเดลลิ่งแมวมองต่างๆ เข้ามาชักจูงพาไปเทส ก็ถือว่าโชคดดีเจอโมเดลลิ่งแรกของ พี่จิ๋มโมเดลลิ่ง ตอนนั้นเขาก็มีชื่อเสียงปลุกปั้นดาราดังมาเยอะ ก็เริ่มมีงานเข้ามาเรื่อยๆ และผู้ใหญ่ก็แนะนำให้รู้จักนางแบบรุ่นพี่ที่มีชื่อเสียงก็เลยมีโอกาสได้ไปเดินแบบชุดว่ายน้ำกับเขาก็เลยยิ่งเพิ่มเครดิตให้ตัวเราเข้าไปอีก"

เด็กกะโปโลสู่เส้นทาง "นางแบบนู้ด"

"ชีวิตหลังจากมีงานมีเงินบ้างก็ใช้ชีวิตปกติก็ไม่ได้ทำตัวไฮโซ พอได้เงินมาก็จะคิดว่าพี่น้องคนนั้นยังลำบาก จะคิดถึงทุกคนจะช่วยเหลือทุกคนคิดว่าตัวเองทำได้ตัวเองมีโอกาสคนอื่นไม่มีช่วยพี่ช่วยน้อง ส่วนชื่อเสียงเฉยๆ มีงานเงินชื่อเสียงเข้ามาช่วงนั้นมันก็เป็นแค่งานโฆษณาและก็งานเดินแบบ มันยังไม่ใช่งานเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ก็คิดแค่ว่ามีงานทำมากขึ้นและก็มีเงินเข้ามาเรื่อยๆ"

"มองย้อนกลับไปถึงทางครอบครัวทางบ้านเราลำบากซึ่งมันเป็นความภูมิใจมากที่ได้หาเงินช่วยแม่ช่วยพี่น้อง ทำงานได้เงินครั้งแรกส่งไปให้แม่ดีใจมาก อยากให้แม่ได้อยู่ได้กินสบาย เพราะแม่ลำบากเลี้ยงเราตั้งแต่เล็ก ตอนแรกๆ ชีวิตครอบครัวทางบ้านก็ยังไม่ได้เปลี่ยนอะไรเยอะมาก เพราะเงินจากการทำงานถ่ายแบบถ่ายโฆษณาก็ยังทำอะไรไม่ได้มาก แต่ก็พอช่วยให้ความเป็นอยู่ดีขึ้น"

แต่แล้วชีวิตเธอก็มาถึงจุดพลิกผันอีกครั้ง เพราะตัวเงินหลักแสนที่มาล่อตาล่อใจในการถ่ายแฟชั่นเซ็กซี่ในยุคนั้น เพื่อหวังอยากให้ครอบครัวสุขสบายและเป็นอยู่ดีขึ้น เธอจึงตัดสินใจรับงานและถลำเข้าสู่วงการนางแบบนู้ดโดยปริยาย

"สมัยก่อนถ่ายเล่มนึงเป็นแสนมันได้เงินเยอะที่เป็นเงินก้อน ถ้าถ่ายแบบหรือโฆษณาเราก็ไม่มีเงินสร้างบ้านให้แม่ได้ จึงตัดสินใจถ่ายเล่มแรกที่เริ่มถ่ายก็คือหนังสือ For Man ซึ่งจริงๆ เป็นของ Penthouse ครั้งแรกก็ไม่ได้โป๊เห็นอะไรแค่เอามือปิดสัดส่วน นอกนั้นก็เป็นทูพีชธรรมดา แล้วก็ประสบความสำเร็จกลายเป็นว่ามีเล่มอื่น ๆ ติดต่อมาอีก แต่มันก็ยังไม่ถึงกับถ่ายนู้ดเท่าไหร่แต่ถ่ายทูพีชสมัยนั้นก็ถือว่าแรง"

"จากนั้นเจ้าของหนังสือหลายๆ เล่มก็ต้องการเล่มแรกเธอถ่ายแค่นี้ เล่มของฉันเธอจะต้องแรงกว่านี้ เงินก็ได้เยอะกว่าแล้วมันก็เริ่มแรงขึ้นๆ และกลับกลายเป็นปากต่อปาก"

"ก็เลยได้ฉายา "ปุ๊กกี้ ปนัดดา" อดีตนางงามดาวนู้ดเอเชีย และมันก็ต่อยอดไปถ่ายของหนังสือ Vogue ของประเทศสิงค์โปร์ ซึ่งผลมันก็ออกมาดีเหมือนเดิม แต่ก็เหมือนเราขึ้นต้นไม้สุดยอดแล้วไม่มีที่ให้ไปแล้ว และจะกลับมาทำงานที่เคยทำก่อนที่จะถ่ายนู้ดก็ไม่มี และนู้ดเราก็ถ่ายหมดแล้วไม่มีที่จะให้ถ่ายแล้วก็กลายเป็นว่าค่อยๆ เงียบหายไปหลายปี"

"ที่นี่กลับมาถ่ายหนังสือ Heat Special ยอมรับว่าแรงมาก เปลือยข้างบนไม่ปิดอะไรเลย และถ้าเกิดว่าเปลือยข้างล่างข้างบนก็จะปิดจะไม่โป๊พร้อมกัน ซึ่งผลที่ออกมาสำหรับผู้หญิงเขาก็คงต่อว่าเราอนาจารเกิน ก็ต้องขอโทษทุกๆ คนที่ทำให้เสียความรู้สึกกับการถ่ายแบบ แต่เราก็มีความจำเป็นต้องทำมันก็เพราะว่าเราเริ่มจากตรงนี้ไปแล้วมันก้าวพลาดไปแล้ว"

อย่างไรก็ตามแม้ว่าเธอจะรู้อยู่แก่ใจอาชีพถ่ายแบบนู้ดนั้นยังไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับในสังคมยุคนั้น การเป็นลูกคนเดียวที่มีโอกาสหารายได้มากที่สุด จึงเป็นแรงผลักให้เธอนั้นต้องตัดใจทำ

"อย่างที่บอกว่าเราเดินไปเส้นทางนี้ไปแล้ว มันก็กลับมาลำบากปัจจัยคือครอบครัว กับคนอื่นคือไม่ได้สนใจอะไร เราอยากได้เงินอยากให้ครอบครัวสบายกินดีอยู่ดีเราเคยลำบากมากตอนเด็กๆ และก็เป็นลูกคนเดียวพี่น้องคนเดียวที่มีโอกาสทำและได้เงินเพราะพี่ๆ น้องๆ คนอื่นเขาก็ยังลำบากทำงานรับจ้างที่ลูกมีหลานก็พากันลำบาก เราก็คิดว่าทำอะไรก็ได้ให้ครอบครัวสบาย"

"ก็ขอโทษแม่ไว้ตรงนี้ การตอบแทนบุญคุณแม่ก็ไม่จำเป็นต้องมาแก้ผ้าถ่ายแบบเพื่อแลกกับเงินไปตอบแทน เป็นพ่อแม่คนไหนก็คงไม่ภูมิใจหรอกที่ลูกตัวเองทำแบบนี้ แต่ว่ามันได้ทำไปแล้ว และทำยังไงก็ได้ที่จะช่วยไม่ให้แม่ลำบากเรามองกลับไปเห็นครอบครัวเราตรงนั้นคือแม่ยังลำบาก"

งานหด หนี้ผุด จุดหักเหชีวิตที่ "แสนสาหัส"
"ก็มีทั้งตัวเราที่ต้องกินอยู่ใช้และก็ทางบ้านช่วยญาติพี่น้องมันก็หลากหลายไปหมด และก็ลืมคิดถึงตัวเองคิดถึงแต่คนอื่นนี่ก็เป็นผลเสียอย่างนึง เพราะฉะนั้นมันก็ทำให้เราได้บทเรียนชีวิตว่ารักคนอื่นรักได้ แต่อย่าลืมรักตัวเองคิดถึงตัวเองด้วย ทำอะไรทุกอย่างต้องคิดก่อนว่าตัวเองแข็งแรงดีมั้ย ก่อนที่จะช่วยคนอื่น รักคนอื่นไม่รักตัวเองไม่คิดถึงอนาคตว่าวันนึงเราจะต้องแก่ พอเราแก่แล้วไม่มีใครจ้างเราไปทำหรอก"

"ส่วนอย่างอื่นก็ทำลงทุนทำเหมือนกันช่วงที่หายไปจากวงการก็ไปลงทุนทำธุรกิจเปิดร้านนวดแผนไทยก็ไม่ดีเท่าไหร่ และก็ประสบอุบัติเหตุรถชนเต้านมแตกไปข้างนึงก็ต้องรักษาตัว และอยากให้เข้าใจว่าที่ลำบากตอนนี้ก็เพราะเหตุผลนี้ไม่ใช่การติดหรูหราเงินทองก็ไม่มีซักบาทชีวิตตกต่ำชื่อเสียงก็ไม่มีรับได้หรอ รับได้ค่ะ! เพราะเราก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองขึ้นไปสูงขนาดนั้น เป็นคนติดดินตลอดเวลา"

อย่างไรก็ตามอดีตนางแบบนู้ดได้เสริมต่ออีกว่า ชีวิตของคนในวงการบันเทิง มักจะถูกมองว่ายามมั่งมีมักไม่รู้จักเก็บออม พอแก่ตัวลงก็มักจะลำบากนั้นไม่จริงเสมอไป เพราะเธอนั้นไม่เคยนิ่งดูดายที่จะหากินกับการแก้ผ้า จึงเลือกไปลงทุนกับธุรกิจ แต่โชคร้ายไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจ

"เงินเก็บแล้วและมันไม่มีงานและเงินเข้ามาเราก็ต้องคิดว่าเงินที่มันมีอยู่จะเอาไปทำอะไรให้มันงอกเงยขึ้นมา ก็คือการไปลงทุนและมันไม่ประสบความสำเร็จ ลงทุนทำร้านอาหารก็ไม่สำเร็จ ไปขายของตลาดนัดก็ทำ มารับเสื้อผ้าที่กรุงเทพไปเปิดท้ายขายของทำทุกอย่างแล้วแต่มันไม่เวิร์ค ลงทุนไปสามสี่หมื่นแล้วมานั่งเก็บวันละร้อยสองร้อยตากแดดตกลมเราก็ทำ ซึ่งตอนเราทำงานลำบากสู้ชีวิตเพื่อหารายได้คนไม่เห็น คนส่วนใหญ่จะเห็นเราแค่แต่ตอนเรามีงานมีเงิน"

"ก็อยากจะพูดจากประสบการณ์ชีวิตตัวเองว่า ถ้าเป็นไปได้ก็อย่าเลียนแบบชีวิตแบบนี้เลยทำธุรกิจหมดทุนก็ซมซานกลับมาหาผลงานเดิมอีกแล้ว คิดๆ ก็เหมือนถูกสาปไว้ต้องแก้ผ้าอย่างเดียวชาตินี้ สุดท้ายสุดในการถ่ายหนังสือคือปี 49 ก็คือหนังสือ Cute ก็ได้เงินมาอีกเป็นแสนพอได้มาก็หายไปอีกไปลงทุนทำธุรกิจสุดท้ายก็ไปได้ไม่สวยชีวิตเรามันเป็นอยู่แบบนี้"

"ชีวิตตกอับ" สามีนอกใจ อาศัยข้าววัดกิน

"การที่มาเล่าชีวิตตัวเองก็ไม่ได้ขอความเห็นใจแค่อยากให้รู้ว่าที่ว่าเราไม่ทำอะไรเลยไม่จริง เรามีความคิดกระตื้อรือร้นที่จะทำตลอดเวลาอยากมีรายได้ ถ่ายแบบครั้งสุดท้ายเงินหมดไปเราก็ไปกู้เงินหนี้นอกระบบ เปิดใหม่ ๆ มันก็ขายไม่ค่อยดีคนยังไม่ค่อยรู้จัก แต่ดอกเราต้องเสียทุกเดือน เสร็จแล้วไม่มีเงินจะจ่ายดอกก็ต้องไปกู้รายวันเพื่อจะเอามาจ่ายดอกรายเดือน ชักหน้าไม่ถึงหลังเป็นอยู่แบบนี้"

"ชีวิตครอบครัวสามีที่อยู่ด้วยกันมาสิบปีก็แอบไปมีผู้หญิงอื่นแอบนอกใจเราไปมีผู้หญิงอื่นทั้งที่ยังไม่ได้หย่ากับเราก็เลยตัดใจออกมาเลยและทีนี่หันหลังกลับมาอีกทีอายุก็มากขึ้นแล้วแก่ซะขนาดนี้ใครจะจ้างไปถ่ายแบบเพราะเด็กใหม่ ๆ หายจากวงการไปเป็นสิบๆ ปี"

"สภาพชีวิตตอนนี้ก็คือลำบากมากค่ะ บางครั้งก็ต้องไปอาศัยข้าววัดกิน ไปล้างห้องน้ำวัดล้างซวยทำอะไรก็ไม่เคยสำเร็จ หนี้นอกระบบก็ขอติดไว้ก่อน เหมือนว่าเราหนีเอาตัวรอดแต่จริงๆ ไม่ใช่นะ เรามาหางานหาการทำมันมืดแปดด้านมันเจอมรสุมชีวิตมากเกินไปบางครั้งสมองก็รับไม่ทันก็เลยจะเบลอ ๆ เงินทองติดตัวก็ไม่มีสภาพชีวิตคือไม่เหลืออะไรเลย"

ดังนั้นเธอจึงขอสะท้อนเรื่องราวชีวิตที่ก้าวผิดพลาดบนเส้นทางนางแบบนู้ดเพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจของเด็กยุคใหม่ที่คิดหวังจะใช้เรือนร่างในการหารายได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตามท้ายสุดแล้วสิ่งเหล่านี้ก็จะย้อนกลับมาทำร้ายชีวิตตัวเราเอง

"ก็หวังว่าชีวิตปุ๊กกี้จะเป็นบทเรียนที่สอนหลายๆ คน และก็ยินดีหากใครจะให้โอกาสปุ๊กกี้ไปพูดหรือเล่าชีวิตเพื่อเป็นตัวอย่างติดต่อที่ 095-493-6508 ซึ่งก็อยากให้ชีวิตเราเป็นอุทาหรณ์ให้คนในวงการที่กำลังหาเงินหาทองได้ดี มีก็อยากให้เก็บคิดถึงตัวเองไว้มากๆ การช่วยเหลือคนอื่น พี่น้องตัวเองมันก็เป็นเรื่องที่ดี แต่หากว่าช่วยเหลือตัวเองแล้วต้องลำบากเดือดร้อนอย่าทำ"

"ส่วนเรื่องการจะเข้าวงการถ่ายเซ็กซี่ต่างๆ ใจกล้า กล้าแก้ กล้าถอดเพื่อจะได้เข้าวงการสร้างชื่อเสียงมันไม่ใช่ค่ะ นั่นคือการเริ่มต้นที่เริ่มก้าวแรกก็ผิดแล้ว คิดที่จะแก้ผ้าและก็แข่งขันกันแก้ผ้าเพื่อที่จะได้เข้าวงการ ก้าวแรกคุณแก้ผ้าแล้วก้าวต่อไปคุณจะทำอะไรไม่มีอะไรให้คุณทำแล้ว เริ่มช้าหน่อยแต่ชัวร์ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปจะดีกว่า ได้เงินได้งานยังสาวยังสวยอยู่ทุกคนชื่นชม แต่สังคมบางส่วนเขาก็ไม่ได้ยอมรับ แต่เรากลับภูมิใจว่าทำงานได้เงินแต่ลืมคิดไปว่าอนาคตข้างหน้ามันกลับมาทำร้ายเราตรงนี้ผู้ชายที่ไหนจะมารักผู้หญิงที่แก้ผ้าให้สาธารณะชนดูเขาไม่เลือกไปเป็นแม่ของลูกเขาแน่นอนค่ะ"


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook