กว่าจะถึงฝั่งฝัน "วิว พงศ์ชนก" นางงามที่ยอม (เจ็บ) เพื่อชาติ!

กว่าจะถึงฝั่งฝัน "วิว พงศ์ชนก" นางงามที่ยอม (เจ็บ) เพื่อชาติ!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook


"วิวเคยเหล็กทะลุออกมาจากปากเพราะดัดฟันและไม่ได้ใส่ฟันยาง โดนเตะเลือดเต็มปาก และหน้าบวมมากกว่าจะได้เป็นนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทยวิวบอกเลยว่ามันสาหัสมากๆ ถ้าอยากติดทีมชาติใจต้องรักกีฬาจริงๆ ค่ะ"

"วิว พงศ์ชนก กันกลับ" มิสไทยแลนด์เวิลด์ปี 2009 เล่าย้อนไปถึงประสบการณ์ "เจ็บตัว" ที่สุดในชีวิตให้กับกีฬาเทควันโด้ ผ่านทีมข่าว Sanook! News ถึงช่วงเวลาที่ "ต้องแลก" ด้วยหยาดเหงื่อและน้ำตา แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่ได้ก็คุ้มยิ่งกว่าคุ้มเพราะมันคือความภาคภูมิใจในชีวิตของหญิงสาวคนหนึ่งที่ไม่ได้เกิดมาเพียงแค่ "มีมงฯ"

เส้นทางฝันนักกีฬา "วิว พงศ์ชนก"

"การเล่นกีฬาของวิวก็คือเริ่มเล่นตั้งแต่ช่วง ป.4 เล่นกีฬาวอลเล่ย์บอลจนถึง ม.1 และพอช่วง ม.2 ก็มาเล่นเทควันโดยาวมาตลอด และก็มาติดทีมชาติตอนอายุ 17 ซึ่งวิวชอบเล่นกีฬามาตั้งแต่เด็กๆ คุณพ่อก็คอยสนับสนุนมาตลอด ช่วงอายุ 12 ยังเป็นสายขาว วิวก็เริ่มลงแข่งจริงๆ เป็นสายขาวเขายังไม่ให้ลงแข่งกัน แต่วิวก็แอบไปยืมสายสีเหลืองเพื่อนลงแข่ง เพราะเราคิดว่าเราต้องลองลงแข่งบ้างถ้าไม่ลองก็จะได้แค่ซ้อมอยู่แต่ในโรงยิม

ลงไปแข่งผลสุดท้ายก็แพ้เพราะเราก็ยังไม่ได้เก่งมากไปเจอพี่ๆ ที่เขาสายสีเก่งกว่าเราก็เจ็บบ้างช้ำบ้าง และพอพัฒนาขึ้นมาเป็นสายเขียวเรารู้สึกว่าเราอยากติดทีมชาติ เพราะมันเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจของเราและครอบครัวและถ้าเกิดเราทำสำเร็จไปแข่งขันคนไทยก็ภูมิใจ เลยมีความมุ่งมั่นอยากรับใช้ชาติ และก็ได้มาติดทีมชาติตอนช่วงอายุ 17 ซึ่งกว่าจะติดทีมชาติได้อยากจะบอกว่ายากมากๆ ค่ะ"

ไม่ง่ายกว่าจะเป็นนักกีฬาเทควันโด "ทีมชาติไทย"

"เรียกว่าตั้งแต่เริ่มต้นเลยเราจะต้องมีค่าใช้จ่ายที่ต้องออกเองทุกอย่างการเรียนเทควันโดที่วิวเรียนเดือนตกประมาณ 1,300 บาท ซึ่งคนจะคิดว่าอาจจะไม่ได้มากอะไร แต่ในช่วงนั้นบ้านวิวยอมรับว่าฐานะก็ไม่ได้ค่อยดี แต่ด้วยความที่อยากติดทีมชาติจะได้มีเงินมาให้พ่อแม่ เราอยากมีเงินเดือนอยากช่วยเหลือที่บ้าน แต่เวลาไปแข่งขันต้องเสียค่าลงแข่งแล้วบางทีก็ 500 บาท และสะสมไปเรื่อยๆ หลายๆ แมทช์บางเดือนก็ต้องไปแข่งไกลๆ ต้องขับรถไปน้ำมันที่พักก็ต้องออกเอง

การเป็นนักกีฬาที่ยังไม่ใช่มืออาชีพจะต้องออกเองทุกอย่าง พอเราเริ่มไปแข่งขันบ่อยๆ เราก็ต้องพยายามให้ผู้ใหญ่ในสมาคมได้เห็นว่าเราได้เหรียญโน่นเหรียญนี้มา ก็ต้องตะเวนลงแข่งตัวช้ำไปทั้งตัว ปากแตกเหล็กทะลุออกมาจากปากเพราะดัดฟันและไม่ได้ใส่ฟันยาง โดนเตะเลือดเต็มปากไปโรงเรียนหน้าบวมกว่าจะได้เป็นบอกเลยว่าสาหัสมากและใจต้องรักจริงๆ เพราะบางคนมาเรียนไม่กี่เดือนก็ถอดใจเพราะมาเรียนคิดว่าแค่ว่าได้ใส่ชุดเทควันโดมันเท่ แต่เล่นกีฬาเพื่อจะติดทีมชาติมันต้องมีความรับผิดชอบมากค่ะ"

"ล่าฝัน" ก้าวสู่นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย

"การจะไปสู่ทีมชาติคือจะต้องไปคัดตัวที่สมาคมซึ่งแต่ละการแข่งขันต้องคัดทุกครั้ง เช่น มีแข่งขันชิงแชมป์เอเชียก็ต้องเข้าไปคัด แข่งซีเกมส์หรือโอลิมปิกก็ต้องคัด ซึ่งเขาจะไม่เอาเด็กคนเดิมที่ซ้อมดีแล้วแต่อยู่ที่เดิมมาตลอด แต่ต้องพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ส่วนวิวนั้นพอเริ่มมีเหรียญจากการแข่งขันหลายๆ รายการและพอดีมีวันนึงมีการคัดตัวเทควันโดพุมเซ่ เป็นแบบท่ารำโชว์ของเทควันโดที่เราต้องจำให้ท่าให้ได้ตั้งแต่สายเหลืองจนถึงสายดำ

ครูก็เลยให้วิวลองไปและเหตุผลที่ไปคัดเทควันโดพุมเซ่เพราะครูเห็นว่าเทควันโดแบบต่อสู้คนเล่นเยอะ และกว่าเราจะไปถึงจุดๆ นั้นคือเราจะช้ำหมดเพราะเพื่อนวิวบางคนอายุยังไม่ถึงยี่สิบก็ผ่าตัดเข่าก็มี พอไปคัดตัวตอนนั้นก็ไม่ได้หวังซึ่งคนมาคัดตัวทั่วประเทศรวมทั้งชายและหญิงเป็นร้อยแต่สุดท้ายก็ติดและก็ถูกเรียกเก็บตัวในฐานะนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย"

ชีวิตพลิกผันจากนักกีฬาสู่ "นางงามขาอ่อน"

"ระหว่างที่เก็บตัวเป็นนักกีฬาทีมชาติแม่ก็โทรมาบอกว่าวิวมีประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์ แม่จะเป็นคนที่ชอบจับวิวไปประกวดตั้งแต่สมัยเรียนแต่ก็ตกรอบมาตลอด ซึ่งใจวิวไม่ได้อยากประกวดแต่แม่ก็ให้ลองไป ตอนแรกวิวปฏิเสธเพราะตอนนั้นจะมีแข่งขันซีเกมส์ที่ประเทศลาว และวิวก็มุ่งมั่นที่จะได้ไปแข่งในนามทีมชาติไทย แต่แม่ก็มาหาที่เก็บตัวจนวิวตัดปัญหาไปก็ไปแต่ก็บอกแม่ว่าอย่ามาคิดว่าหนูจะเข้ารอบอะไร เลยไปสมัครนั่งแท็กซี่กันไปสองแม่ลูก สมัครเสร็จวันต่อมาได้ลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์เพราะมีนักข่าวมาสัมภาษณ์ที่เป็นนักกีฬาทีมชาติ"

"วิว พงศ์ชนก" นางงามม้ามืดของเวที

"วิวจำได้ว่าคำถามที่เขาถามคือ ถ้าวิวได้เป็นมิสไทยแลนด์เวิลด์วิวอยากทำอะไรเพื่อพัฒนาสังคม วิวก็ตอบว่าในกิจกรรมที่วิวได้ทำและร่วมกับกองประกวดที่ได้จัดมาวิวรู้สึกว่าน้องๆ ที่ต่างจังหวัดเขายังมีเรื่องด้อยโอกาสอีกเยอะเช่น เรื่องการศึกษา อุปกรณ์การเรียน เรื่องเทคโนโลยีต่างๆ ที่ยังเข้าไม่ถึงวิวก็อยากให้รัฐบาลเข้ามาช่วยในจุดนี้เพราะว่าเด็กคืออนาคตของชาติพอตอบเสร็จ ก็เข้ารอบเหลือสามพอประกาศว่าหมายเลข 14 คือวิวได้ก็ตกใจมากยังหันไปถามเพื่อนว่าใช้เราหรอ เพราะไม่คิดว่าจะได้เพราะแต่งหน้าก็ไม่เป็น เดินก็ไม่เป็น ซ้อมเดินก็ใส่ผ้าใบไปเดินจนโดนว่า พอประกาศเป็นชื่อเรา วิวเคยดูในทีวีและคิดว่าเขาร้องไห้ทำไมได้ตำแหน่งพอเจอเข้าจริงๆ ร้องเลยมันมาเองมันรู้สึกตื้นตันตกใจหลายๆ ความรู้สึกมันเข้ามาหมดเลย"

"หนึ่งหัวใจ"กับสองหน้าที่เพื่อรับใช้ชาติ

"ช่วงนั้นยอมรับว่าสับสนมากว่าจะทำยังไงกับชีวิต พอได้ตำแหน่งนางงามก็คิดว่าแล้วทีมชาติที่เราอยากไปแข่งขันจะทำยังไง เพราะต้องไปประกวดมิสเวิลด์ช่วงเดือนพฤศจิกายน ซีเกมส์ก็ช่วงเดียวกัน สับสนจะไปแข่งหรือไปประกวด ทางสมาคมเทควันโดเขาก็บอกว่ามิสไทยแลนด์เวิลด์ประกวดแค่ปีเดียวก็ต้องไปทำหน้าที่นางงามก่อน กีฬาค่อยกลับมาแข่งก็ได้เขาก็เปิดทางให้ไปทำหน้าที่รับใช้ชาติ

และพอได้ไปประกวดมิสเวิลด์กลับมาวิวก็ไปแข่งขันซีเกมส์ปี 2553 ที่ประเทศอินโดนีเซียได้ที่ 4 ซึ่งกีฬาประเภทวิวนั้นเป็นกีฬาที่ใช้การตัดสินด้วยสายตา ฉะนั้นจะเป็นเรื่องยากมากที่จะได้ที่ 1 นอกจากเจ้าภาพแต่ยอมรับว่าชีวิตช่วงนั้นที่ต้องทำหน้าที่ทั้งสองอย่างทั้งนางงามและนักกีฬาทีมชาติทั้งซ้อมทั้งออกงานด้วยก็เหนื่อยมากๆ ค่ะ"

"นางงาม-นักกีฬา" ให้ประสบการณ์ชีวิตที่คุ้มค่า

"มันสอนให้ชีวิตเราได้ประสบการณ์ที่ดีค่ะ ซึ่งภารกิจทั้งสองอย่างเป็นทั้งนางงามและนักกีฬามันแตกต่างกันมาก ตอนเป็นนางงามก็ต้องไปเรียนรู้อะไรใหม่ทั้งหมดซึ่งเราไม่เคยเจอมาก่อนและต้องปรับตัวให้เร็วที่สุดเพราะได้ตำแหน่งมาแล้ว และก็เป็นภาพลักษณ์ที่ดีทำให้วงการเทควันโดดูดีไปด้วย ซึ่งวิวก็ภูมิใจที่ได้รับใช้ทั้งสองอย่าง เกิดมาชาตินี้พอแล้วที่ได้ทำเพื่อชาติ ต่อจากนี้ก็ทำในสิ่งที่เราชอบต่อไปทำอะไรที่มีความสุขเท่านั้นเอง

โดยเฉพาะน้องๆ ที่โตไปก็ต้องเป็นคนที่มีคุณภาพของชาติ อย่างแรกเราต้องเจออุปสรรคก่อนและเราก็อย่าท้อเพราะอุปสรรคจะทำให้เราโตขึ้น และได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่เราไม่เคยเจออาจจะล้มลงร้องไห้แต่อย่าลืมว่าเรายังมีคนรอบข้างที่เป็นกำลังใจ เราจงทำสิ่งที่เรารักและสิ่งๆ นั้นก็จะส่งผลกลับมาให้เราประสบความสำเร็จในทุกอย่างที่เราตั้งใจไว้แค่อย่าท้อเท่านั้นเองค่ะ"

ตลอดการสัมภาษณ์นั้นทำให้เราเห็นว่ามุมมองความคิดของเธอคนนี้มีความมุ่งมันในการทำตามความฝันอย่างแรงกล้าจึงประสบความสำเร็จ และหลังจากทำหน้าที่รับใช้ชาติในฐานะนักกีฬาและเป็นนางงามแล้วนั้น ปัจจุบัน "วิว พงศ์ชนก" กำลังเป็นนักศึกษาเอกขับร้องปีที่ 2 วิทยาลัยดนตรีและศิลปะการแสดง SCA (Superstar College of Asia) และเราก็เชื่อว่าศิลปะการแสดงที่เธอกำลังมุ่งมั่นตั้งใจศึกษานั้นในอนาคตข้างหน้าก็จะส่งผลให้เธอกลายเป็นอีกหนึ่งผลผลิตในวงการบันเทิงที่มีคุณภาพ ดั่งเช่นสนามกีฬาและเวทีนางงามที่เคยผ่านมาแล้วนั่นเอง!

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ ของ กว่าจะถึงฝั่งฝัน "วิว พงศ์ชนก" นางงามที่ยอม (เจ็บ) เพื่อชาติ!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook