มองพลังสังคมโซเชียลฯ..ผ่านเหตุการณ์ "เบนซ์ตีนผี"

มองพลังสังคมโซเชียลฯ..ผ่านเหตุการณ์ "เบนซ์ตีนผี"

มองพลังสังคมโซเชียลฯ..ผ่านเหตุการณ์ "เบนซ์ตีนผี"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กระแสทอล์คออฟเดอะทาวน์ทั้งวงพูดคุย บนกระแสสื่อและบนโลกโซเชียล ชั่วโมงนี้คงไม่มีอะไรร้อนแรงไปกว่า กรณีหนุ่มขับรถเบนซ์ความเร็วสูงชนท้ายรถฟอร์ด จนลุกไหม้เป็นเหตุให้ 2 นักศึกษาปริญญาโทเสียชีวิต

ประเด็นเหตุการณ์ของอุบัติเหตุร้ายแรงบนท้องถนน ไม่ใช่มีครั้งนี้ครั้งแรก แต่ที่เป็นประเด็นขึ้นมา ในช่วงนี้ก็คือแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดี..

โดยเฉพาะหลังจากที่นายตำรวจเจ้าของคดี ให้สัมภาษณ์สื่อจากค่ายเนชั่นฯ เป็นกระแสร้อนขึ้นมาทันที โลกออนไลน์ร้อนฉ่า กระทู้ว่อนโซเชียลฯ คลิปบทสัมภาษณ์ถูกกระหน่ำแชร์ คนดังจากหลายกลุ่มอาชีพออกมาตั้งข้อสังเกต วิพากษ์วิจารณ์แนวทางการดำเนินคดีกันมากมาย

โดยประเด็นความตรงไปตรงมาของการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ที่ต้องผดุงความยุติธรรมของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สังคมทั้งสังคมต่างไม่เชื่อมั่นต่อการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ จนล่าสุดวันนี้ (18 มี.ค.) มีคำสั่งย้ายด่วนนายตำรวจใหญ่เจ้าของคดี 2 นาย และโอนการสืบสวนคดีไปให้กับอีกหน่วยงานรับผิดชอบแทน

นอกจากนี้ บรรดาเหล่านักสืบออนไลน์ยังทำหน้าที่ค้นสืบข้อมูลของหนุ่มขับรถเบนซ์ออกมาแชร์กันมากมาย มีทั้งรูปนิ่ง เข้าไปสืบค้นในเฟซบุ๊กส่วนตัวบ้างอะไรบ้างว่อนไปหมด

และที่เป็นประเด็นขึ้นมาอีกก็คือมีการปล่อยคลิป รถเบนซ์ ทะเบียน ษง 3333 ขับแหกด่านจ่ายเงินอัตโนมัติที่ด่านพระราม 4 ชนไม้กั้นเสียหาย ก่อนจะขับออกไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งภาพดังกล่าวถูกบันทึกไว้ได้เวลาประมาณ 10.48 น. ของวันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเวลา 1 ชม. ก่อนที่จะมีเหตุการณ์รถเบนซ์คันดังกล่าวในอีก 1 ชั่วโมงต่อมา ชนรถฟอร์ดจนไฟลุกไหม้เป็นเหตุให้ 2 นศ.ป.โทเสียชีวิต

การกระทำดังกล่าว ต่อมาได้สร้างความมึนงงสงสัยให้กับสังคมขึ้นมาอีก เมื่อการทางพิเศษโดย นายดำเกิง ปานขำ รองผู้ว่าการฝ่ายปฏิบัติการ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กพท.) ออกมาให้ข่าวว่า ได้ตรวจสอบคลิปดังกล่าวแล้ว เป็นเหตุการณที่เกิดขึ้นจริง พร้อมทั้งอธิบายสาเหตุของการพุ่งฝ่าด่านละเอียดลออว่า

ผู้ขับไม่ได้ติดบัตรอัตโนมัติหน้ารถ ต้องหยิบบัตรยื่นให้เครื่องสแกน แต่ด้วยความเร็วทำให้เครื่องไม่อ่านทำให้รถเบนซ์ชนไม้กั้น....แต่ไม้กั้นไม่เสียหายอะไร ...? กทพ.เลยไม่ติดใจใดๆ ไม่มีการแจ้งความเพื่อดำเนินคดีหรือเรียกความเสียหายใดๆ จะมีการหักเงินค่าผ่านทาง 50 บาท ย้อนหลังจากบัตรเท่านั้น..

ได้เห็นข่าวรองผู้ว่าการ กพท. แล้วส่วนตัว ผมกลับไปเปิดคลิปและฟังเสียงพนักงานเก็บค่าผ่านทางอีก 5 รอบ...บอกตรงๆ ผมก็งงกับตรรกะกับความคิดของรองกพท. เหมือนๆ กับชาวโซเชียลเช่นกัน

รถที่วิ่งมาด้วยความเร็วขนาดนั้น ร้อยทั้งร้อย ไม่มีทางที่เครื่องจะสแกนบัตรได้ทัน และด้วยมุมกล้องก็ไม่น่าจะมีการเปิดกระจกออกมายื่นบัตรสแกนอะไรได้ทัน

เสียงของเจ้าหน้าที่ก็บอกชัดเจนว่า ภาพก็เห็นชัดว่า ไม้กั้นหักออกมาชัดเจน ..แล้วเกิดอะไรขึ้น..สิ่งที่คนทั้งสังคมเห็น กลับไม่ใช่ความจริงจากการบอกกล่าวของผู้บริหารกพท. ...?

เหตุการณ์ของ กรณีเกี่ยวเนื่อง 2 เหตุการณ์นี้ น่าสนใจยิ่งในแง่ของปรากฏการณ์ทางสังคมของบ้านเรา ....เกิดอะไรขึ้น...? เหตุใด คนทำผิดกฎเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิตถึง 2 ชีวิต ถึงทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ และผู้บริหารองค์กรรัฐวิสาหกิจ มีความเกรงอกเกรงใจ ผิดวิสัยปกติโดยทั่วไป..?

คำถามที่สังคมสงสัย คือ หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นโดยชาวบ้านธรรมดาทั่วไป ขับรถยนต์ทั่วไปไม่ใช่รถหรู จะมีการปฏิบัติเยี่ยงนี้หรือไม่...?

นายตำรวจ และ ผู้บริหาร กพท. ออกมาให้ข้อมูลกับสังคม ป่านประหนึ่ง คนไทยไม่เห็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คิดว่าคงฟังๆ กันมา ไม่มีใครรู้จริงหรอก ดังนั้น จึงกล้าให้ข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริง ขัดกับความรู้สึกของสังคมได้ขนาดนี้

สังคมไทยในยุคออนไลน์ เทคโนโลยีได้เปลี่ยนวิถีของคนไทยไปมาก ปัจจุบันการกระทำใดๆมีคนบันทึก และส่งต่อกันง่ายดาย ข้อมูลข่าวสารไหลเร็วยิ่งกว่าเดิมมากนัก ในอดีตเหตุการณ์ต่างๆต้องผ่านการรายงานของผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวต่างๆ เมื่อเกิดเหตุการณ์ใดๆขึ้น กว่านักข่าวจะไปถึงเหตุการณ์ผ่านไปแล้ว จะมีเพียงคำบอกเล่าของผู้เห็นเหตุการณ์ และร่องรอยของหลักฐานจากวัตถุพยานต่างๆ เท่านั้น

ส่วนการรายงานข่าวที่เร็วที่สุดคือรายงานจากวิทยุ และโทรทัศน์ ส่วนสื่อสิ่งพิมพ์ยังต้องมาติดตามข่าวนี้กันเลยทีเดียว

แต่ปัจจุบันไม่ใช่ กล้องบันทึกเหตุการณ์มีอยู่มากมาย กล้องติดรถยนต์ กล้องวงจรปิด กล้องจากมือถือ..สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ การเผยแพร่เหตุการณ์ก็มีความรวดเร็วในโลกของโซเชียลฯ ชนิดสื่อกระแสหลักยังต้องไล่ตามกระแสบนโลกโซเชียลฯกันทีเดียว

ดังนั้นการใช้ทัศนคติ ความคิด ของนายตำรวจของผู้บริหาร กพท.ที่อาจจะหลงนึกไปว่าการไหลผ่านของข้อมูลข่าวสารยังเป็นเหมือนอดีต...จึงกล้าจะแสดงความเห็นที่ขัดต่อเหตุการณ์ที่สังคมได้รับรู้

ก็รอดูกันต่อไปว่า เหตุการณ์เหล่านี้จะเดินหน้าต่อไปอย่างไร.. แต่บอกได้เลยว่า วันนี้สังคมไทยมีการเปลี่ยนแปลงมาก และสามารถใช้พลังของสังคมผ่านโซเชียลฯได้อย่างมีพลังและน่าติดตามยิ่งว่า พลังเหล่านี้จะมีการพัฒนาไปอย่างไรในอนาคต...?

โดย...เปลวไฟน้อย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook