นายกฯชวนร่วมปั่นเพื่อพ่อยันจำเป็นใช้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์

นายกฯชวนร่วมปั่นเพื่อพ่อยันจำเป็นใช้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์

นายกฯชวนร่วมปั่นเพื่อพ่อยันจำเป็นใช้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายกรัฐมนตรี ชวนร่วม “ปั่นเพื่อพ่อ Bike For DAD” 11 ธันวาคม มุ่งมั่นปรองดอง ปฏิรูปประเทศ ยันจำเป็นใช้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์ ย้ำ เลือกตั้ง กรกฎาคม ปี60

พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวผ่านรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ว่าวันที่ 23 ตุลาคม ของทุกปีเป็น “วันปิยมหาราช”เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ผู้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ เป็นที่รักของพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า พระราชกรณียกิจที่สำคัญนอกจากการเลิกทาส คือการปฏิรูประบบราชการ และระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานของประเทศ รวมถึง ให้ความสำคัญในการเลือก “ผู้ใหญ่บ้าน” โดยคนในหมู่บ้าน ผู้สมัครต้องเป็นคนที่ไม่เคยกระทำความผิด ซึ่งเป็นการให้ความสำคัญและเอาจริงเอาจังกับการเลือกตั้ง ตั้งแต่ระดับล่าง อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งอาจขจัดปัญหาในการปกครองไม่ได้ทั้งหมด แต่การเลือกให้ “คนดี มีคุณธรรม” ได้เป็นผู้ปกครอง นั้น จะช่วยให้ปัญหาต่าง ๆ ได้รับการแก้ไข 

ในโอกาสนี้ ขอให้ทุกคนร่วมกันน้อมจิตอธิษฐาน และแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ด้วยการรู้รักสามัคคี มุ่งมั่นปรองดอง และร่วมสร้างอนาคตของชาติให้เจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน โดยการปฏิรูปประเทศ “เดินหน้าประเทศไทย” ในบทบาทและหน้าที่ของตนอย่างเหมาะสม ตามแนวทางพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 88 พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคม 2558 นี้ รัฐบาลร่วมกับประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า พร้อมใจกันสนองพระราชปณิธานของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารอีกครั้ง เพื่อรวมพลังความรู้รัก สามัคคี และแสดงความจงรักภักดี แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผ่านกิจกรรมปั่นจักรยานเฉลิมพระเกียรติ “ปั่นเพื่อพ่อ Bike For DAD” ในวันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม 2558 ตั้งแต่เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป โดยกำหนดระยะทางในการปั่นจักรยาน 29 กิโลเมตรเท่ากันทั่วประเทศ  โดยกำลังอยู่ในระหว่างการเตรียมการในทุก ๆ ด้าน สำหรับผู้ที่มีความสนใจจะเข้าร่วมกิจกรรม สามารถลงทะเบียน และติดตามข้อมูลข่าวสารในรายละเอียด ได้ทางเว็บไซต์ Bikefordad 2015.com ตั้งแต่ 2-15 พฤศจิกายน 2558 หรือสอบถามได้ที่สายด่วน 1122 และขอให้ประชาชนได้เตรียมร่างกายและจักรยานให้พร้อม เข้าร่วมกิจกรรมอย่างพร้อมเพรียงกัน ขอให้ระมัดระวังตนเองในการฝึกซ้อม รัฐบาลเป็นห่วงในเรื่องนี้ด้วย สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้ทรงรับสั่งมาว่าอยากให้ทุกคนปลอดภัย และมีความสุข

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า อยากเห็นการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน เอกชน และรัฐ ภายใต้แนวทาง“ประชารัฐ” เพื่อแก้ปัญหาได้ถูกจุด ใช้การพูดคุย รับฟังปัญหา ข้อเสนอแนะ ให้มีการเจรจากันทุกฝ่าย รวมถึงให้เจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งเป็นตัวแทนของรัฐบาล ปรับรูปแบบการทำงานให้เป็น “เชิงรุก” มากขึ้น อย่าทำงานในลักษณะที่ล่าช้าและไม่เป็นไปตามนโยบาย ทุกคนต้องทุ่มเท เสียสละ โดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคงว่า สถานีตำรวจเอง ต้องสามารถเชื่อมโยงกับศูนย์ดำรงธรรมให้ได้ ให้สมกับเป็นทั้ง “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” และ “โรงพักเพื่อประชาชน” อย่างแท้จริง 

ส่วนเรื่องการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินขององค์กรอิสระภายใต้การกำกับดูแลของฝ่ายบริหาร ก็เป็นไปตามรายงานข้อเท็จจริงที่หน่วยงานส่งขึ้นมา ไม่มีใครสั่งผมได้ สิ่งที่ตั้งใจคืออยากจะเห็นการใช้เงินภาษีของประชาชนมีความคุ้มค่า เกิดประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนมากที่สุด 

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในปัจจุบันรัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ดำเนินการหลายด้าน ทั้งการเกษตร อุตสาหกรรม การค้า การลงทุน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ การสาธารณูปโภคพื้นฐาน และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยขณะนี้ได้เน้นในเรื่องอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะเป็นการเชื่อมโยงผู้ประกอบการ ผู้ผลิต ผู้ขายวัสดุก่อสร้าง การจ้างงาน และเป็นการสร้างความยั่งยืนในการพัฒนาคุณภาพชีวิตอีกด้วย ขณะเดียวกันปัญหาที่สำคัญเวลานี้คือทุกคนมีหนี้ หนี้ครัวเรือน จะทำอย่างไรหนี้เหล่านี้ ที่เกิดขึ้นมาใหม่จะไม่สูญ และสามารถผ่อนชำระได้ โดยทางรัฐบาลกำลังหามาตรการอื่น ๆ มาเพิ่มเติม ในเรื่องของการเงิน การคลัง เรื่องหนี้สินต่าง ๆ รัฐบาลพยายามจะแก้ไขก่อน ทั้งนี้หน่วยงานก็ต้องร่วมกันหามาตรการแก้ไขให้ได้ เพราะหากไม่ดำเนินการใดๆธุรกิจก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง แรงงาน ก็จะหยุดการทำงาน

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไม่ได้ทำเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มใดทั้งสิ้น สำคัญที่สุดคือทุกคนต้อง รู้ขีดความสามารถของตนเอง ต้องไม่สร้างภาระหนี้โดยไม่จำเป็น ที่ผ่านมานั้น ประชาชนส่วนใหญ่ มักจะเป็นหนี้บัตรเครดิตจำนวนมาก สาเหตุอันหนึ่งคือลูกหลาน อาจจะมีความต้องการที่ไม่จำเป็น ไม่เหมาะสมกับรายได้ของพ่อแม่ ทำให้เกิดการเป็นหนี้นอกระบบขึ้น ซึ่งเป็นการควบคุมได้ยาก ดังนั้นต้องให้ความรู้ในการจัดทำบัญชีครัวเรือน ไม่ใช่เฉพาะภาคการเกษตรอย่างเดียว ว่าจะใช้จ่ายอย่างไรโดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้น้อย ได้รู้ว่าอะไรจำเป็น ไม่จำเป็น  ทั้งนี้รัฐบาลให้ความสำคัญกับผู้มีรายได้น้อย แต่ต้องดูภาคอื่น ๆ ด้วย ตามความเหมาะสม พยายามแก้ไขปัญหาหนี้สิน หากจะเกิดหนี้ขึ้นมานั้น ต้องเป็นหนี้ที่ทำให้เกิดมูลค่าเป็นทรัพย์สมบัติที่ยั่งยืนในอนาคต 

ส่วนสถานการณ์เศรษฐกิจในภาพรวมนั้น ขณะนี้มีหลายอย่างยังทรงตัว หลายอย่างเริ่มดีขึ้น และบางอย่างยังถือว่าไม่ดีเนื่องจากได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจภายในประเทศยังไม่แข็งแกร่ง ดังนั้นทุกภาคส่วนจะต้องช่วยกัน ทำให้เศรษฐกิจเข้มแข็งขึ้น สร้างขีดความสามารถในการแข่งขั้น สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างการลงทุนให้เกิดในประเทศ  ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจในปีหน้าดีขึ้น วันนี้ประชาชนส่วนใหญ่อาจจะยังไม่รู้สึก ว่าตัวเองได้อะไรจากการที่รัฐบาลนี้เข้ามา เพราะรายได้ยังไม่เพิ่ม ยังไม่ได้เงิน ไม่ได้อะไรต่าง ๆ ที่เคยได้มาง่าย ๆ ก็คงต้องเข้าใจกัน ต้องใช้เวลากันด้วย ในการที่จะแก้ไขปัญหาทั้งระบบให้ได้ หากระบบเศรษฐกิจเข้มแข็งสร้างความเชื่อมโยงกันให้ได้ ก็จะเพิ่มห่วงโซ่คุณค่าทำให้มีการหมุนเวียน ทำให้เศรษฐกิจเล็ก กลาง ใหญ่ ดีขึ้น และมีการลงทุนเพื่ออนาคตอีกด้วย ผลประโยชน์โดยรวมก็จะเกิดกับประเทศ มีรายได้ที่มากขึ้นในเรื่องของสวัสดิการต่าง ๆ ที่ใช้งบประมาณจำนวนมาก จำเป็นต้องจัดทำโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ให้สำเร็จในลักษณะประชารัฐ ซึ่งในส่วนนี้ฝ่ายเศรษฐกิจรับทราบแล้ว 

ในส่วนการช่วยเหลือเกษตรกร ที่มีการผลิตข้าว ยาง หรือผลผลิตทางการเกษตรอื่น ๆ ต้องเน้นเรื่องการปรับปรุง การปฎิรูปทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง ซึ่งทั้งหมดอยู่ในกระบวนการที่มีความก้าวหน้า มาตามลำดับ เรื่องยางได้ข้อสรุปว่าจะร่วมมือกันแก้ปัญหาทั้งระบบ ลดต้นทุน ทำทุกอย่างให้อยู่ในกรอบกฎหมายและพันธะสัญญาต่าง ๆ ที่ทำไว้กับต่างประเทศ  สำหรับ ผู้ใช้น้ำอุปโภคบริโภค หรือใช้น้ำเพื่อการเกษตรยังคงต้องระมัดระวังการเพาะปลูกพืชในฤดูกาลใหม่ ซึ่งขอให้ฟังข้อมูลและคำชี้แจงจากทางราชการ เพราะถ้าหากเกิดความเสียหาย รัฐบาลอาจจะไม่สามารถช่วยเหลือได้ทั้งหมด  ขณะนี้อยากให้มีการเก็บน้ำไว้ในไร่นา ร่องสวน เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ในปีหน้า 

เรื่องการจัดซื้อโดยสารประจำทาง NGV นั้น ปัจจุบัน รัฐบาลได้กำหนดการจัดหารถโดยสารมาทดแทนรถเก่า โดยแยก เป็น 2 ส่วนด้วยกัน  ซึ่งระยะแรกคือการจัดหาเร่งด่วน ทันที แต่ต้องโปร่งใส เพื่อทดแทนรถที่สภาพทรุดโทรมมาก อาจจะต้องจำเป็นในการจัดซื้อสำเร็จรูป ซึ่งประเด็นดังกล่าวหลายคนบอกไม่เห็นจำเป็น เพราะว่าเราเร่งด่วน จำนวนแรก ไม่กี่คัน เรื่องของการทุจริตไม่ทุจริตก็ไปว่ากัน ระยะที่ 2 จะนำส่วนที่เหลือนั้นมาประยุกต์ใช้2 อย่างเข้าด้วยกัน คือในเรื่องของรถไฟฟ้า ถ้าทำได้ อีกส่วนหนึ่งก็เป็นเรื่องของผู้ประกอบการในประเทศจะต้องผลิตขึ้นมาเอง สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างผู้ประกอบการรายใหม่ขึ้นมา และต้องมีราคาที่ถูกลง เขาเรียกว่าการสร้างความเข้มแข็งเป็นระยะ ๆ ทำอย่างใดอย่างหนึ่งทีเดียวคงไม่ได้ ความพร้อมยังไม่พร้อมกันอยู่ การดำเนินการที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ที่จะเกี่ยวข้องเรื่องนี้เรื่องการสาธารนูปโภคพื้นฐาน การสัญจรไปมาของประชาชนนั้นต้องนึกถึงทั้งคนที่มีเงิน และไม่มีเงิน ขณะเดียวกันสิ่งที่จะต้องทำให้เกิดความยั่งยืน คือการปรับเส้นทางเดินรถของภาครัฐและเอกชน ต้องมีแผนการพัฒนาระบบขนส่งให้ได้ ทั้งในเมือง นอกเมือง ต่างจังหวัด ภูมิภาค

นอกจากนี้ จะต้องพิจารณาปรับโครงสร้างพื้นฐานรถไฟฟ้า รถไฟ รถประจำทาง ในอนาคต ให้สอดคล้องกัน ทั้งในทุกภาคส่วน ทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล  ตามแผนงาน โดยขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาวิจัย และดำเนินการให้รวดเร็วขึ้น สำหรับเรื่องการใช้รถเมล์นั้น มีแนวความคิดว่า วันหน้าอาจจะต้องใช้รถไฟฟ้าที่เป็นรถเมล์ เพื่อจะทำให้เกิดการประหยัดพลังงานมากขึ้น เหมือนที่ต่างประเทศและ หลายประเทศใช้อยู่ โดยเฉพาะทางด้านยุโรป โดยวันนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นรางทั้งหมด ก็เป็นรถล้อ ซึ่งน่าจะใช้ได้ในถนน ในเส้นทางที่ไม่แออัด ปริมณฑล  ตนก็เป็นห่วงประชาชนผู้มีรายได้น้อย ให้มีทางเลือก เพราะไม่สามารถใช้บริการรถไฟฟ้า หรือรถไฟความเร็วสูงและความเร็ว ปานกลาง ฯลฯ ที่มีราคาสูงได้ในปัจจุบันได้ จนกว่าจะมีรายได้ที่เพียงพอ

สำหรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในระยะต่อไป ต้องยกระดับและสร้างความเชื่อมโยงกับอาเซียนก่อนจะขยายผลต่อยอดไปเวทีระหว่างประเทศในลักษณะ ไทย +1 หรือ +2  +3 ประเทศก็แล้วแต่ ด้วยการส่งเสริมอุตสาหกรรมที่มีความเข้มแข็ง และมีศักยภาพอยู่ อาทิ สินค้าอุปโภค/บริโภค  โครงสร้างพื้นฐาน การค้าชายแดน และเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษแบบCluster และ Super Cluster ควบคู่กับการสร้างผู้ค้ารายย่อย สร้างธุรกิจใหม่ ๆ  ให้ผู้ค้ารายใหญ่ร่วมมือเป็นผู้เปิดตลาดสร้างเครือข่ายการเชื่อมโยงกันในส่วนของการท่องเที่ยวอาเซียน วันนี้ได้เชื่อมโยงกับทุกประเทศแล้ว ทำอย่างไรการท่องเที่ยวจะต่อเนื่องเชื่อมโยง ช่วยกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทั้งเวียดนาม ลาว กัมพูชา มาเลเซีย ให้มีการเชื่อมโยงความหลากหลายทางวัฒนธรรมในเรื่องการท่องเที่ยว และในเรื่องการจัดทำโครงสร้างคมนาคมพื้นฐาน และสิ่งอำนวยความสะดวกความปลอดภัยในการเคลื่อนย้ายการเดินทางของนักท่องเที่ยว ให้ปลอดภัย

อย่างไรก็ตาม  ในการประชุมคณะรัฐมนตรีที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ก็ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมเรื่อง Trans-Pacific Strategic Economic Partnership Agreement  (TPP) ในภาพรวมและมีมุมมองทั้งในแง่บวกและแง่ที่จะมีผลกระทบต่อประเทศไทย สำหรับ TPP เป็นความตกลงเปิดเสรีทางด้านเศรษฐกิจที่ครอบคลุมทั้งด้านตลาดการค้า สินค้า การบริการ การลงทุน ตลอดจนการปฏิรูป และการสร้างความสอดคล้องในกฎระเบียบทางเศรษฐกิจต่าง ๆ  สำหรับการเข้าเป็นสมาชิก TPP ก็อาจจะมีทั้งข้อดีและข้อที่เป็นผลกระทบพอสมควร ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ก็ได้มีการเชิญคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน ทั้งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย ได้ประชุมหารือในเรื่องดังกล่าว โดยทั้ง3 ส่วนเห็นตรงกันว่าการเข้าเป็นสมาชิก TPP มีประโยชน์และคาดว่าจะส่งผลกระทบในเชิงจิตวิทยาต่อนักลงทุน แต่ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่าเอกชนบางรายยังมีข้อกังวลอยู่ในประเด็นที่ไทยจะต้องส่งสินค้าไปแข่งขันกับประเทศที่เป็นคู่แข่งซึ่งเป็นสินค้าชนิดเดียวกันที่เรียกว่าสินค้าอ่อนไหว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องหนึ่งที่มีความสำคัญมากและต้องมีความเข้าใจ คืออำนาจรัฏฐาธิปัตย์ ที่รัฐบาลและ คสช. ยังต้องใช้อยู่เพราะมีความจำเป็น เพื่อที่จะรักษาเสถียรภาพในบ้านเมือง และเพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงให้เกิดการปฏิรูป ซึ่งในบางกรณีที่กฎหมายยังไม่มี หรือยังไม่พร้อม หรือต้องการให้เกิดการบูรณาการ และมีการตรวจสอบ จึงต้องใช้อำนาจนี้ พร้อมกล่าวต่ออย่างหนักแน่นว่า ในช่วงนี้ รัฐบาล และ คสช. จำเป็นต้องเข้มงวดกับทุก ๆ เรื่องที่มีความสำคัญต่ออนาคตของประเทศ โดยเฉพาะในเรื่องการสร้างเสถียรภาพทางการเมือง ความสงบเรียบร้อยของประเทศชาติ รักษาชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยอยากขอความร่วมมืออย่าต่อต้านขัดขวาง ให้ทุกคนคิดว่าประเทศชาติต้องมาก่อน  อยากให้ทุกคนเตือนตนเองว่า “อย่าทำผิดกฎหมาย” หรือขัดคำสั่ง คสช. โดยขอย้ำอีกครั้งว่า อำนาจรัฏฐาธิปัตย์ที่ใช้ยังคงมีอยู่ ฉะนั้นหากใครจะเรียกร้องอะไรก็ขอให้เป็นไปตามกฎหมายและคำสั่งของ คสช. จะบอกว่าไม่รู้ไม่ได้ หรือเจ้าหน้าที่ เราไปรังแกประชาชนก็ไม่ได้ ยืนยันทำเพื่อประชาชน ไม่ได้ไปแสวงหาอำนาจเพื่อจะไปปกครองใคร ในลักษณะที่ต้องการผลประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้น

ขณะเดียวกัน ยังกล่าวว่า เมื่อมีรัฐธรรมนูญและเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่ดี มีการใช้ประชาธิปไตยอย่างเหมาะสมถูกต้อง ก็ขอให้ไม่มีเหตุการณ์เช่นในอดีตเกิดขึ้นอีก แต่เบื้องต้นนี้ ทุกคนต้องรู้ปัญหาของประเทศ ต้องเอาปัญหามาคิดว่าจะร่วมมือกันอย่างไร ดังนั้นคนที่เข้าใจก็ขอให้อธิบายคนที่ไม่เข้าใจ และห้ามปรามคนที่พยายามจะฝ่าฝืนหลีกเลี่ยงด้วย 

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ถ้ายังไม่เรียบร้อยในเรื่องของรัฐธรรมนูญ ในเรื่องการปฏิรูปประเทศในการสร้างความปรองดอง ยังไม่ชัดเจน ก็ขอให้ทุกคนช่วยให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น เพราะได้กำหนดไว้แล้วว่าเดือนกรกฎาคม 2560 จะต้องเลือกตั้ง ทุกคนก็ต้องนำไปสู่จุดนั้นร่วมกัน ไม่ใช่รัฐบาลทำอยู่ฝ่ายเดียว 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าขอชื่นชม นายชัด อุบลจินดา ที่เข้าช่วยเหลือ 2 สามีภรรยาชาวนอร์เวย์ ที่กำลังจมในโคลน และประทับใจในคำพูดของนายชัด ที่กล่าวว่าทำความดีเอาไว้ ไม่ต้องให้ใครเห็น หรือหวังผลใดๆ ซึ่งขอฝากเป็นข้อคิดว่า  จากเหตุการณ์นี้ว่าได้สะท้อนให้เห็นถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทย มีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติถือเป็นสิ่งที่ดี และเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศ นอกจากคำว่า “สยามเมืองยิ้ม” และมีการบริการด้วยน้ำใสใจจริง ซื่อสัตย์ ไม่เอารัดเอาเปรียบ หรือแสวงหาประโยชน์จากนักท่องเที่ยว ให้เขาเกิดความประทับใจในบ้านเรา และอยากกลับมาอีก 

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังทิ้งท้าย ให้ปลูกจิตสำนึกไทย เรื่องการแต่งกายไทย ดนตรีไทย รวมถึงประวัติศาสตร์ความเป็นไทย ถือว่าสำคัญ ต้องรักษาภาพลักษณ์ให้ได้ เพื่อให้ลูกหลานได้ภูมิใจในความเป็นไทย







แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook