ตำรวจตรวจแล้ว 2 แม่ลูกเปิดแอร์นอนในรถดับ เกิดจากก๊าซไอเสียไหลเวียนกลับห้องโดยสาร

ตำรวจตรวจแล้ว 2 แม่ลูกเปิดแอร์นอนในรถดับ เกิดจากก๊าซไอเสียไหลเวียนกลับห้องโดยสาร

ตำรวจตรวจแล้ว 2 แม่ลูกเปิดแอร์นอนในรถดับ เกิดจากก๊าซไอเสียไหลเวียนกลับห้องโดยสาร
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณีนางสุทธิดา อายุ 49 ปี และ ด.ช.กัมปนาท อายุ 5 ขวบ นอนหมดสติภายในรถยนต์ ยี่ห้อฟอร์ด รุ่นเอสเคป สีดำ หมายเลขทะเบียน 4 กจ 1103 กรุงเทพมหานคร บริเวณลานจอดรถร้านอาหารครัวซองส์ ถ.สตรีวิทยา 2 ซอย 8 แขวงและเขตลาดพร้าว กทม. ก่อนถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเปาโลเมโมเรียล และเสียชีวิตในเวลาต่อมา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา

เมื่อเวลา 13.00 น. (20 ต.ค.) ที่อาคารตรวจสภาพรถยนต์ กองตรวจพิสูจน์ กก.5 บก.จร. พ.ต.อ.ชัยรพ จุณณวัฒน์ ผกก.สน.โชคชัย พร้อมพนักงานสอบสวนสน.โชคชัย นำรถยนต์ยี่ห้อฟอร์ด รุ่นเอสเคป สีดำ ทะเบียน 4กจ 1103 กรุงเทพมหานครมาให้ พ.ต.ท.สมยศ แอบเนียม สารวัตรงานช่างเครื่องตรวจพิสูจน์ กก.5 บก.จร. ตรวจพิสูจน์สภาพรถยนต์คันดังกล่าวว่ามีความผิดปกติในส่วนใดบ้าง โดยใช้เวลาตรวจสอบกว่า 2 ชั่วโมง

พ.ต.ท.สมยศ เปิดเผยว่าในวันนี้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบ สภาพโดยรอบ และเครื่องยนต์ของรถคันดังกล่าวอย่างละเอียด รวมถึงจำลองเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ โดยทำการสตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้งไว้เป็นระยะเวลาตามคำให้การของ นายบุญนำ สามีของผู้ตาย และระยะเวลาจากกล้องวงจรปิดตั้งเริ่มเหตุ

ทั้งนี้ ผลการตรวจสอบก๊าซภายนอกรถบริเวณท่อไอเสียปกติ โดยมีค่าไม่สูงเกิน 200 พีพีเอ็ม (PPM :Part Per million) แต่เมื่อวัดภายในรถซึ่งไม่ได้เปิดแอร์ โดยวางเครื่องทดสอบไว้บริเวณเบาะหน้าและเบาะหลังเพื่อตรวจสอบว่าอากาศเสียเข้ามาจากบริเวณใด

ปรากฏว่าค่าที่วัดได้ในเบาะหลังมีปริมาณที่สูงกว่าเบาะหน้า แต่เมื่อเปิดแอร์แล้วค่าของก๊าซลดลง เพราะอากาศมีการหมุนเวียน โดยผลจากการตรวจวัดครั้งแรกในเวลา 20 นาที พบว่าค่าของก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ (CO) บริเวณเบาะหน้ามีค่าอยู่ที่ประมาณ 50 พีพีเอ็ม ส่วนเบาะหลังวัดค่าได้เกือบ 100 พีพีเอ็ม

ขณะที่เมื่อทดสอบอีกครั้งแต่เปิดแอร์ พบว่าค่าที่ได้กลับลดลงประมาณ 10 พีพีเอ็ม ทั้งเบาะหน้าและเบาะหลัง หากมีการสตาร์ทรถต่อไปเรื่อยๆ ค่าที่วัดได้ก็จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตาม ร่างกายของแต่ละคนจะสามารถรับปริมาณของก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ในปริมาณที่มากน้อยแตกต่างกันไปตามสภาพร่างกาย ซึ่งหากเทียบกับระยะเวลาตามจริงในที่เกิดเหตุนานเกือบ 2 ชั่วโมง จึงทำให้มีปริมาณก๊าซพิษสะสมเพิ่มขึ้น และอาจเป็นสาเหตุให้ทั้งสองแม่ลูกเสียชีวิตลงได้

พ.ต.ท.สมยศ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้จากการตรวจสอบสภาพรถพบว่า บริเวณซุ้มที่ใช้สำหรับวางยางอะไหล่นั้นจะมีรูสำหรับระบายน้ำอยู่ โดยปกติจะมีจุกปิดไว้ แต่ในรถคันดังกล่าวนั้นกลับไม่มีจุกปิด แต่ใช้แผ่นยางทากาวมาปิดรูไว้แทน ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปทำให้แผ่นยางทากาวนั้นเสื่อมสภาพ

ประกอบกับข้อต่อท่อไอเสียระหว่างหม้อพักไอเสียด้านท้ายสุดของตัวรถขาดออกจากกัน โดยเกิดจากการผุพังตามระยะเวลาการใช้งาน ไม่มีการซ่อมแซม จึงเป็นเหตุให้ก๊าซไอเสียรั่วเข้าไปในรถ หรือห้องโดยสารได้ เนื่องจากมีระยะห่างกันเพียงนิดเดียว

ด้านพ.ต.อ.ชัยรพ กล่าวว่า นำรถมาเพื่อตรวจสอบร่องรอยหรือรอยรั่วที่ทำให้ก๊าซพิษเข้าไปภายในห้องโดยสารหรือไม่ และตรวจสอบปริมาณก๊าซภายในว่ามีปริมาณเท่าใด รวมทั้งตรวจสอบสภาพทั่วไป จากการสอบปากคำนายบุญนำในประเด็นรอยรั่วบริเวณท่อไอเสียนั้น นายบุญนำปฏิเสธว่าไม่ทราบว่ามีรถมีรอยรั่วดังกล่าว ขณะเดียวกันอยู่ระหว่างรอผลชันสูตรศพจากนิติเวช ซึ่งหากผลออกมาแล้วตำรวจจะต้องตรวจสอบว่ายังมีข้อสงสัยในประเด็นใดที่ต้องสอบปากคำเพิ่มเติมก็จะเชิญนายบุญนำมาให้การเพิ่ม

ทั้งนี้ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รรท.ผบช.น.ได้เน้นย้ำให้สอบสวนให้สิ้นกระแสความในข้อสงสัยและให้ตำรวจทำงานอย่างตรงไปตรงมาตามข้อเท็จจริง หลังจากนี้จะเรียกสอบญาติ คนสนิท และบุคคลใกล้ชิดเพิ่มเติม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการตรวจสอบเสร็จสิ้น กองตรวจพิสูจน์ กก.5 บก.จร. จะดำเนินการส่งผลสรุปการตรวจรถยนต์ ให้พนักงานสอบสวน สน.โชคชัย นำไปประกอบสำนวนคดีต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook