วิชาบอกเหลือคดีจำนำข้าว5เรื่องเร่งสอบ

'วิชา' เผย เหลือคดีจำนำข้าว 5 เรื่อง กำลังเร่งดำเนินการ ขณะคดีสั่งสลายชุมนุมปี 53 รอเอกสารดีเอสไอก่อนสรุปสำนวน
นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงคดีทางการเมืองสำคัญที่ประชาชนให้ความสนใจซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของตนเองและดำเนินการไม่แล้วเสร็จ ว่า มีคดีที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าว 5 เรื่อง คือ ข้อกล่าวหา นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรณีทุจริตการระบายข้าว 3 แสนตัน ให้กับรัฐบาลอินโดนีเซีย หรือข้าวบลูล็อก ซึ่งอยู่ในช่วงการขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ ข้อกล่าวหาประธานโครงการคลังสินค้า กรณีเอื้อประโยชน์ให้เอกชนในโครงการการระบายข้าวถุง ข้อกล่าวหาผู้อำนวยการคลังสินค้า กรณีเรียกรับสินบนจากบริษัท เจียงเม้ง จำกัด ในโครงการระบายข้าว ข้อกล่าวหา นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ ทุจริตโครงการระบายข้าวแบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี ข้อกล่าวหา นายบุญทรงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี กับบริษัทที่ไม่ใช่ตัวแทนของรัฐบาลจีน โดยมีเจตนาเพื่อหลีกเลี้ยงการแข่งขันราคา นอกจากนี้ ยังมีข้อกล่าวรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีมีมติให้จ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง ซึ่งอยู่ในช่วงการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ส่วนข้อกล่าวหา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กรณีสั่งการสลายการชุมนุมกลุ่ม นปช. ปี 2553 ขณะนี้ได้สอบปากคำพยานครบทุกปาก และรวบรวมพยานหลักฐานได้เกือบทั้งหมดแล้ว เหลือเพียงเอกสารจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เท่านั้น ก็จะสามารถสรุปสำนวนคดีว่าจะมีการชี้มูลความผิดหรือไม่
จากการสรุปผลการดำเนินงานของสำนักงาน ป.ป.ช. ครบรอบ 9 ปี ในส่วนของส่วนการไต่สวนข้อเท็จจริงและชี้มูลความผิดอาญา และร่ำรวยผิดปกติ มีการประเมินมูลค่าความเสียหายได้ ตั้งแต่ปี 2556 ถึง 2558 พบว่า หน่วยงานรัฐ มีมูลค่าความเสียหายจำนวนมากสุด รองลงมาคือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดังนั้น ในการพูดคุยกับคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเมื่อวานนี้ ( 14 ต.ค.) ป.ป.ช. จึงได้ย้ำว่า ภายหลังจากนี้ ป.ป.ช. ต้องเข้มงวดในการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของผู้บริหารส่วนท้องถิ่นให้มากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเสนอให้บรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญเรื่องการปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ชี้ขาดกรณีความขัดแย้งระหว่างองค์กร ซึ่งกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเห็นว่า ป.ป.ช. ควรมีอำนาจดูแลคดีความที่เกี่ยวข้องการทุจริตทั้งหมด แต่สามารถมอบหมายให้หน่วยงานอื่นๆ และสามารถหยิบยกคดีสำคัญที่ประชาชนให้ความสนใจขึ้นมาพิจารณาก่อนได้