สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชี้2ธนาคารไทยติดลบ
เซอร์วิสลดความน่าเชื่อถือธนาคารกรุงไทยและไทยพาณิชย์หลังแบกหนี้สำรองสหวิริยาอินดัสตี มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส ก้อนใหญ่
สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ทางเศรษฐกิจ "มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส" ปรับความน่าเชื่อถือของธนาคารกรุงไทยและธนาคารไทยพาณิชย์เป็นอยู่ในขั้นติดลบ หรือมีโอกาสที่จะถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือลง 50% ในระยะเวลา 3 เดือน นับตั้งแต่ประกาศ หลังจากที่ทั้งสองธนาคารต้องตั้งสำรองหนี้ของหนี้บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี (เอสเอสไอ)
ทั้งนี้ ไซมอน เฉิน ระบุอีกว่า แม้มูดี้ส์จะคาดการณ์การขยายตัวสัดส่วนเงินทุนสำรองของทั้งสองธนาคารภายในปี 2015 โดยสามารถปรับขึ้นได้ ท่ามกลางเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวลง และสินทรัพย์เสี่ยงที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่จากกรณีหนี้เอสเอสไอ ส่งผลให้สัดส่วนดังกล่าวจะยังไม่ขยายตัวในปี 2015 นี้ สำหรับการเปิดเผยดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากบริษัท สหวิริยาสตีล อินดัสตรี หยุดการผลิตเหล็กที่โรงงานเอสเอสไอทีไซด์ ซึ่งเป็นธุรกิจโรงถลุงเหล็กเอสเอสไอในสหราชอาณาจักร ส่งผลให้บรรดาเจ้าหนี้ ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ไทยพาณิชย์ และทิสโก้ ต้องตั้งสำรองหนี้ที่มีความเสี่ยงกลายเป็นหนี้สูญ มูลค่าราว 5.33 ล้านบาท โดยกรุงไทยและไทยพาณิชย์แบกรับมูลค่าหนี้อยู่ที่ 4.5 หมื่นล้านบาท
มูดี้ส์ ระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับสหวิริยาสตีลอินดัสตรีถือเป็นครั้งแรกในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมา ที่คุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ของไทยตกต่ำลง รวมถึงยังแสดงให้เห็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหนี้ ที่อาจกลายเป็นหนี้เสีย (เอ็นพีแอล) ในภาคเอกชนไทยด้วย
นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของหนี้ที่อาจกลายเป็นหนี้เสียในภาคส่วนเอกชนขนาดใหญ่ยังทำให้ต้นทุนในกู้ยืมของธนาคารไทยปรับตัวสูงขึ้น จากมูลค่าหนี้แต่ละก้อนที่มีขนาดใหญ่ ดังนั้น หนี้เพียงไม่กี่ก้อนที่มีปัญหาจึงเพียงพอต่อการเพิ่มต้นทุนในการกู้ยืมทั้งหมดของธนาคารพาณิชย์
มูดี้ส์ ยังระบุอีกว่าระบุว่า แม้ภาพรวมเงินกู้ที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันในภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ของไทย จะยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ภาพรวมหนี้ในบริษัทใหญ่ของไทยยังคงยืดหยุ่นได้ในสภาพเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวลง