รวบอดีตสาวแบงค์ท้องอ่อน ลักบัตรเอทีเอ็มเข้าไปกดเงิน พบทำมาแล้วหลายจังหวัดในอีสาน

รวบอดีตสาวแบงค์ท้องอ่อน ลักบัตรเอทีเอ็มเข้าไปกดเงิน พบทำมาแล้วหลายจังหวัดในอีสาน

รวบอดีตสาวแบงค์ท้องอ่อน ลักบัตรเอทีเอ็มเข้าไปกดเงิน พบทำมาแล้วหลายจังหวัดในอีสาน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(24 ก.ย.58) เมื่อเวลา 10.00 น. พ.ต.อ.พงศ์ฤทธิ์ คงศิริสมบัติ ผกก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.4 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.4 ได้ควบคุมตัว นางเยาวรัตน์ อดีตพนักงานธนาคารแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี ตามหมายจับของศาลจังหวัดอุดรธานีที่ จ.565/ 2552 ลงวันที่ 6 พ.ย. 2552 ขณะนี้ตั้งครรภ์ได้ 4 เดือนกว่า มาให้ พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ ผบช.ภ.4 สอบสวนปากคำ

หลังถูกกล่าวหาว่า ลักทรัพย์และใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนที่ บก.สส.ภ.4 พร้อมของกลาง 25 รายการ เช่น 1.บัตรเอทีเอ็ม จำนวน 20 ใบ 2.เงินสด 5,060 บาท 3.นาฬิกาเรือนทอง 1 เรือน 4.สร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท 1เส้น และหนัก 1 บาท 1 เส้น 5.แหวนทองคำหนัก 2 สลึง 1 วง 6.พระเลี่ยมทอง 2 องค์ 7.โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง และอื่นๆ โดยมี นางวารี ศรีวันแก้ว เป็นผู้เสียหายและทำการชี้ตัวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม

พล.ต.ท.บุญเลิศ กล่าวว่า สืบเนื่องจากได้รับแจ้งมีคนร้ายก่อเหตุลักทรัพย์(บัตรเอทีเอ็ม) ในหลายเขตพื้นที่ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ บช.ภ.4 และพื้นที่ บช.ภ.3 สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนเป็นอย่างมาก จึงได้สั่งการให้ กก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.4 สืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ จนกระทั่งทราบว่าผู้ก่อเหตุได้ใช้รถยนต์ยี่ห้อฟอร์ด สีส้ม ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนใช้ในการก่อเหตุ พร้อมทั้งตรวจสอบแผนประทุษกรรมและประวัติผู้ที่เคยก่อเหตุคดีลักษณะดังกล่าว จนทราบว่าผู้ก่อเหตุ ชื่อ นางเยาวรัตน์ ซึ่งเคยได้กระทำความผิดในลักษณะนี้และเพิ่งพ้นโทษจากเรือนจำเมื่อเดือนมกราคม ที่ผ่านมา

พล.ต.ท.บุญเลิศ กล่าวอีกว่า จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ออกสืบสวนติดตามจับกุมนางเยาวรัตน์ และสามารถจับกุมตัวได้ในเขตพื้นที่ จ.อำนาจเจริญ จากการสอบสวนเบื้องต้นยอมรับว่าได้ก่อเหตุลักทรัพย์ (บัตรเอทีเอ็ม) จริง โดยได้ให้การว่า หลังจากออกจากเรือนจำได้ตระเวนก่อเหตุดังกล่าว ในลักษณะทำทีเข้าไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงเทพที่มีตู้กดเงินสด 2 ตู้ติดกัน แล้วดูรหัสบัตรเอทีเอ็มของผู้เสียหายขณะผู้เสียหายกดเงิน จากนั้น ทำทีว่าบัตรเอทีเอ็มตัวเองกดเงินไม่ได้ แล้วเข้าไปขอดูบัตรเอทีเอ็มของผู้เสียหาย จากนั้นก็สลับบัตรเอทีเอ็ม แล้วนำบัตรไปกดเงินสดในพื้นที่อื่นๆซึ่งมีหลายจังหวัดในภาคอีสาน ซึ่งนางเยาวรัตน์ได้ก่อเหตุดังกล่าวมาไม่น้อยกว่า 20 ครั้ง ได้เงินสดมาประมาณ 2 ล้านกว่าบาท นำมาใช้ในชีวิตประจำวันและใช้หนี้เงินกู้นอกระบบที่ต้องส่งรายวันวันละพันบาทขึ้นไป

นางเยาวรัตน์ ได้ให้การสารภาพว่าทำงานแบบนี้คนเดียว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน บก.สส.ภ.4 ไม่เชื่อ จะได้มีการขยายผลในการจับกุมเพิ่มขึ้นอีก เพราะเชื่อได้ว่าในช่วงที่นางเยาวรัตน์ก่อเหตุได้มีสถานที่อื่นๆ มีคนร้ายก่อเหตุในลักษณะเดียวกับนางเยาวรัตน์เช่นกันและคาดว่าสามีของนางเยาวรัตน์ซึ่งเป็นสมาชิก อบต.แห่งหนึ่งใน จ.บึงกาฬ ต้องมีส่วนรู้เห็นด้วย พร้อมกับมีลูกน้องไม่น้อยกว่า 3-4 คน ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนสืบสวนหาหลักฐานเพื่อจับกุมคนอื่นๆที่ร่วมกับนางเยาวรัตน์ต่อไป

ทั้งนี้ พ.ต.อ.พงศ์ฤทธิ์ คงศิริสมบัติ ผกก.สืบสวน 3 บก.สส.ภ.4 เปิดเผยว่า จากการสืบสวนขยายผลหลังจากจับกุมนางเยาวรัตน์ที่เป็นผู้ต้องหาลักบัตรเอทีเอ็ม ซึ่งมีหมายจับของศาล จ.มหาสารคาม และหมายจับของศาล จ.ขอนแก่น หมายจับศาลจังหวัดอุดรธานี ได้ก่อเหตุในพื้นที่ภาคอีสาน ด้วยลักษณะนี้กับผู้เสียหายในหลายจังหวัด โดยเฉพาะเขตพื้นที่

1. สภ.เมืองพล จ.ขอนแก่น ได้เงินไป 200,000 บาท
2. สภ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ได้เงินไป 95,000 บาท
3. สภ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ได้เงินไป 80,000 บาท
4. สภ.เชียงยืน จ.มหาสารคามได้เงินไป 200,000 บาท
5. สภ.หนองหาน จ.อุดรธานี ได้เงินไป 225,000 บาท
6. สภ.เมือง จ.หนองบัวลำภู ได้เงินไป 150,000 บาท
7. สภ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษได้เงินไป 52,000 บาท
8. สภ.เขมราช จ.อุบลราชธานี ได้เงินไป 140,000 บาท
9. สภ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้เงินไป 40,000 บาท
และเขตพื้นที่อื่นๆในภาคอีสานอีกไม่น้อยกว่า 10 แห่ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook