คุยเฟื่องเรื่อง เอมมี่ งาน-รัก-ชีวิต

คุยเฟื่องเรื่อง เอมมี่ งาน-รัก-ชีวิต

คุยเฟื่องเรื่อง เอมมี่ งาน-รัก-ชีวิต
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คว้าตำแหน่งมิสไทยแลนด์ ยูนิเวิร์ส ปี 2547 กระทั่งเริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการประเดิมละครเรื่องแรก หลงทางรัก ทางช่อง 7 หลังจากนั้นชื่อเสียงของนางเอกสาว เอมมี่ มรกต กิตติสาระ ก็เป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว

อีกทั้งมีผลงานสู่สายตาประชาชนอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นงานละคร ภาพยนตร์ พิธีกร รวมถึงงานถ่ายแบบหวือหวา ซึ่งเธอถูกมอง ว่ากำลังมาแทนที่ "ชมพู่" อารยา เอ ฮาร์เก็ต ที่ย้ายไปอยู่วิก 3

ฮอตร้อนแรงขนาดนี้"คม ชัด ลึก" เลยขอจับเข่าคุยกับเธอในทุกเรื่องราว ว่าแล้วตามไปสัมผัสตัวตนของเธอกันเลย...

เรื่องงานในวงการ

กระแสตอบรับจากละครเป็นอย่างไรบ้าง

ละครเรื่องมนตราแห่งรัก ถ่ายพร้อมกับ ภูตแม่น้ำโขง แต่เรื่อง มนตราแห่งรัก จะออกแนวจิตๆ น่ากลัวๆ เพราะในเรื่องเป็นคนโรคจิต แต่ก็ได้รับคำชม จริงๆ มี่ก็ดีใจนะ เพราะมีคนชมเยอะ ตั้งแต่เราเล่นเรื่อง ภูตแม่น้ำโขง แล้ว เขาก็บอกว่าเรามีการพัฒนาในการแสดงขึ้นเยอะ หรืออย่าง พลิกฟ้าล่าตะวัน ก็เพิ่งจบไป หลายคนก็ชอบ เพราะตอนจบ มีนากับโยชิดะ ตายทั้งคู่ ทำให้คนดูร้องไห้ เรียกว่าตอนจบ มีคนส่งข้อความมากระหึ่มเลย

ดูเหมือนจะมีละครเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

มี่ว่ามันเป็นจังหวะมากกว่าจริงๆ ปีที่แล้วหายไปเหมือนกันนะ มาโผล่เอาตอนปลายปี 3 เรื่อง มันฟลุกที่ละครออกอาการติดๆ กันมากกว่า

กลัวคนเบื่อหน้าไหม

ก็กลัวนะอย่างเรื่อง ภูตแม่น้ำโขง ก็เป็นอีกลุคหนึ่ง ในขณะที่เรื่อง มนตราแห่งรัก บทก็แตกต่างออกไป ตอนแรกก็กลัวเหมือนกันว่าคนดูจะแยกออกหรือเปล่า เพราะคาแรกเตอร์แต่ละเรื่องไม่เหมือนกันเลย คือตอนนี้ละครมี่หมดสต็อกแล้ว แต่ผู้ใหญ่บอกแล้ว ว่าจะมีให้อีกเรื่องหนึ่ง ถือว่าช่วงนี้มี่ได้พักจากงานละครบ้าง เพราะที่ผ่านมา เหนื่อยมาเยอะ ร่างกายแย่ ไม่ได้พักเลย เพราะถ่าย พลิกฟ้าล่าตะวัน ถึงเช้าทุกวัน ถึงช่วงนี้จะได้พักงานละคร แต่มี่ก็ยังมีงานอื่นอีก อย่างถ่ายแบบ เดินแบบ พิธีกรรายการ คันปาก กับรายการ เฟิร์สคลาส บาย ปิ่นโตเถาเล็ก มันก็ยังเหนื่อยอยู่นะ อย่างรายการ คันปาก มี่ก็ต้องตื่นเช้า

มานั่งแท่นพิธีกร"คันปาก" แทน "ชมพู่" อารยา เป็นอย่างไรบ้าง

ทุกคนก็บอกว่าเราทำได้ดีแล้วมี่ยังใหม่มาก ก็อาจจะมีบางประเด็น บางข่าว ยังไม่ทันได้นัดกัน คือเป็นลักษณะนอกบท ก็อาจจะทำให้ไม่ลื่นไหลบ้าง เพราะมี่ตั้งตั้งรับไม่ทัน มี่จะชอบโดนประเด็นซีเรียสด้วย มี่ว่ามันก็ต้องใช้เวลานิดหนึ่ง แต่ป๋ากิ๊ก (เกียรติ กิจเจิรญ) จะสอนมี่ทุกวัน ให้คำแนะนำในการทำงาน ที่ผ่านมามี่ก็พยายามทำให้ดีที่สุด คนก็คงเห็นความพยายามตรงนั้นแล้ว คำวิจารณ์ที่ออกมามันก็ไม่ได้รุนแรงมากมายอะไรหรอก แต่ก็ยอมรับ ว่ามีร้องไห้บ้าง เพราะบางครั้งทีเราคิดว่าเราทำดีแล้ว แต่เนื่องจากมันเป็นความสดของรายการ ก็เลยทำให้เราเกร็ง ตื่นเต้น ตอนนี้เริ่มปรับตัวได้บ้างแล้ว

รู้สึกอย่างไรที่ถูกเปรียบเทียบกับพิธีกรคนเก่า"ชมพู่" อารยา เอ ฮาร์เก็ต

ตอนแรกไม่รู้สึกอะไรยังคุยกับชมเลย ชมก็ให้กำลังใจ จนพี่ๆ นักข่าวมาถามเยอะมาก แต่มี่อยากให้แยกแยะ ว่าเป็นคนละคนกัน ฉะนั้นมันต้องมีความแตกต่างกัน มี่คงเป็นชม 100 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้ มี่ไม่ได้มาแทนชมนะ ชมเก่งกว่ามี่อยู่แล้ว มี่ก็ทำได้เท่าที่เห็น จริงๆ มี่ได้คุยกับชม ได้ปรึกษาชม ในฐานะที่ชมเข้าวงการมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำงาน หรือเรื่องชีวิตส่วนตัว มี่จะถามชมอยู่แล้ว เพราะเขาเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ที่ดี ซึ่งมี่ก็ได้จากชมเยอะ ทำให้มี่โตขึ้น ชมกับมี่จูนกันได้ มี่เองก็ไม่ได้มีเพื่อนในวงการที่สนิทขนาดนี้ เราสนิทกันมาหลายปี ประมาณ 3-4 ปี ก็ต้องมีความคล้ายคลึงกันบ้างล่ะ

ดูเหมือนทางช่อง7 จะปูทางให้เอมมี่เจริญรอยตาม "ชมพู่" อารยา เอ ฮาร์เก็ต แทบทุกอย่าง

ก็โอเคนะ มี่เหมือนตัวแทนชมทุกอย่าง แต่จริงๆ มันเป็นจังหวะมากกว่า แล้วบทที่ชมได้รับ ก็ดีทุกเรื่อง อย่างเรื่องการถ่ายแบบ ที่เห็นระยะหลังมี่ถ่ายเยอะขึ้น เพราะเราอยู่วงการมาพักหนึ่งแล้ว มันก็เป็นจังหวะ แต่อาจจะเห็นว่าช่วงครึ่งปีหลัง เมื่อปีที่แล้ว มี่ถ่ายแบบเยอะขึ้น แล้วก็มีงานพิธีกร คนก็เลยมองว่าตามสเต็ปชมหรือเปล่า แต่มี่ว่าก็ดีนะ เพราะชมเขาเก่ง

มีขอบเขตในการถ่ายหวือหวาแค่ไหน

โป๊เปลือยนี่คงไม่มี่เองก็ถ่ายเซ็กซี่มาพักหนึ่งแล้ว แต่เซ็กซี่ในที่นี่ เวลาเราถ่ายก็ต้องคุยคอนเซ็ปต์ให้ดี จริงๆ ชุดว่ายน้ำก็มีทาบมานะ แต่เราไม่พร้อม คิดว่าปีนี้โตพอแล้ว ก็น่าจะได้เห็นบ้าง การถ่ายชุดว่ายน้ำในตอนนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเราก็เคยใส่ประกวดเวทีนางงามมาแล้ว ฉะนั้นครั้งหนึ่งเราก็อยากถ่ายชุดว่ายน้ำเก็บไว้ดูเล่นบ้าง

หลายคนมองว่าทำไมเอมมี่ถึงถ่ายหวิวทั้งๆ ที่บ้านฐานะค่อนข้างดี

มันเป็นงานอย่างหนึ่งมี่มองว่าเป็นศิลปะ ถ้ามันน่าเกลียดมากมี่คงไม่ถ่าย เราก็เลือกภาพ ดูคอนเซ็ปต์ คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเราเองก็มีขอบเขตของตัวเอง

เรื่องชีวิต...ชีวิต

เคยคิดไหมว่าวันหนึ่งจะได้เข้ามาอยู่ในวงการนี้

มี่ไม่เคยคิดเลยนะว่าวันหนึ่งจะมาอยู่ตรงนี้ได้ เพราะตอนเด็กๆ ตอนที่อยู่อังกฤษ เคยดูละครไทย กับคุณพ่อ ไม่เคยคิดว่าวันนี้เราจะได้มาอยู่ในจอ ก็รู้สึกว่ามันผ่านไปเร็วมาก พอได้สวมมงกุฎ สักพักก็มาได้เล่นละคร มี่ว่าเราก็เป็นคนที่โชคดีคนหนึ่ง ที่ได้มาอยู่ตรงนี้ ได้รับโอกาสดีๆ จากผู้ใหญ่ ได้เพื่อนดีๆ ที่คอยแนะนำ ว่าจะดำเนินชีวิตยังไง แล้วก็ได้คุณพ่อคุณแม่สนับสนุน มีพี่ๆ สื่อคอยสนับสนุนเรา

อยู่วงการนี้กลัวเหลิงไหม

มี่เป็นตัวเองและไม่เคยคิดจะเปลี่ยนตัวเองไปเป็นอย่างอื่น ถ้าเราสร้างภาพ วันหนึ่งความก็ต้องแตก พอถึงวันนั้น มี่เองก็คงรับไม่ได้ มี่เป็นคนง่ายๆ สบายๆ ติดดิน เป็นคนพูดตรงๆ คิดยังไงก็พูดอย่างงั้น

ดำเนินชีวิตอย่างไรหากมีข่าวแง่ลบรุมเร้า

ช่วงเวลามันสอนเราข่าวจะจริงเท็จยังไงมันก็ต้องผ่านไปให้ได้ มี่ก็ร้องไห้มาเยอะเหมือนกัน คือเวลาเราเจออะไร เราต้องอยู่คนเดียว เพราะคุณพ่อคุณแม่อยู่กับน้องสาวที่อังกฤษ มี่จะอยู่กับญาติที่เมืองไทย แรกๆ คุณแม่มาเยี่ยมบ่อยเหมือนกัน แต่ด้วยเวลาที่ผ่านมา มี่ก็คิดเสมอ ว่าเราทำในสิ่งที่เรารัก รักในสิ่งที่เราทำ ก็เลยอยู่ที่นี่ได้ คือตอนนั้นต้องยอมรับ ว่าเรายังใหม่กับการอยู่วงการ พอเจอข่าวก็เหวอๆ อย่างข่าวเสี่ยเลี้ยง มันไม่จริงเลย บ้าน รถ เราทำงานมาจะไม่มีตังค์ซื้อเองเลยเหรอ เราทำงานสุจริตมาตลอด ทำไมต้องเป็นประเด็นข่าว และนี่ก็เป็นข่าวหนึ่งที่ทำให้มี่ร้องไห้

คือช่วงแรกๆที่เจอข่าว ร้องไห้คิดถึงคุณแม่ตลอด เพราะเมื่อก่อนเราอยู่ด้วยกันก็คุยกันทุกเรื่อง แต่พอเรามาอยู่คนเดียว มันก็รู้สึกเหงาบ้าง แต่ตอนนี้ก็อยู่คนเดียวได้แล้ว เราก็เชื่อว่าโตมาได้ด้วยตัวของเราเอง มี่ก็ซื้อบ้านอยู่คนเดียวแล้ว ไม่ได้อยู่กับญาติเหมือนเมื่อก่อน

ทำไมถึงทิ้งทุกอย่างที่ประเทศอังกฤษมาอยู่เมืองไทย

เพราะเรารักอาชีพนี้แต่บางครั้งที่เราเหนื่อย เคยเล่าให้คุณแม่ฟัง คุณแม่ยังบอกเลยว่าไม่ต้องทำแล้วลูก แม่เป็นห่วง มี่เองก็ดื้อเหมือนกัน เพราะอยากให้คุณพ่อคุณแม่เห็นว่าเราเลี้ยงตัวเองได้ บวกกับเรารักในสิ่งที่เราทำด้วย ทำให้มี่ตัดสินใจที่จะเลือกอยู่เมืองไทย

เรื่องความรัก

รู้สึกกดดันไหมถูกถามเรื่องความรักตลอด

ก็ค่อนข้างอึดอัดเป็นช่วงๆ(หัวเราะ) เพราะมี่รักชีวิตส่วนตัวเหมือนกัน แต่เข้าใจในอาชีพ ถ้าจะทำอะไรก็ต้องคิดมากกว่าคนอื่น คิดหนักนิดหนึ่ง แต่คิดว่าปาปาราซซีเมืองไทยยังไม่เหมือนฮอลลีวู้ด ไม่อย่างนั้นโดนตามไปถึงหน้าบ้านแล้วล่ะ คือเราก็ต้องระวังตัวนิดหนึ่ง เพราะเราเป็นคนสาธารณะ ถ้าทำอะไรโดยไม่คิด ก็ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง

มุมมองความรักเปลี่ยนไปไหม

ตอนเด็กๆอาจจะเป็นรักที่คลั่งไคล้ ต้องบอกก่อน ว่ามี่มีความรักจะอยู่ในสายตาผู้ใหญ่ตลอด ต้องผ่านการสแกนจากคุณแม่เรียบร้อยแล้ว คือมี่จะให้คนคนนั้นเป็นเพื่อน โอกาสที่มี่จะเสียหายมันก็มีน้อย ฉะนั้นดูไปเรื่อยๆ ดีกว่า ถ้ามันเป็นอะไรมากกว่านั้น ค่อยว่ากัน มี่ปิดตัวเองมาเยอะแล้ว การที่จะรับใครมาในชีวิตมันค่อนข้างจะยาก

มี่ค่อนข้างเลือกเยอะเมื่อก่อนไม่ยอมรับตัวเอง ว่าเป็นคนเลือกเยอะ แต่ตอนนี้ยอมรับแล้ว (หัวเราะ) เพื่อนก็แซว ว่าถ้าเลือกเยอะแบบนี้ขึ้นคานทองนิเวศแน่นอน (หัวเราะ) มี่เชื่อว่าถึงเวลามันก็คงมาเอง

แล้วหนุ่มนอกวงการที่ควงไปงานแต่ง"ท็อป" ณัฐเศรษฐ์ ล่ะ เป็นใคร

เป็นเพื่อนถ้าจัดอันดับสเต็ปพี่เขาก็เป็นไปอีกสเต็ปหนึ่งแล้ว เป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่ แต่ยังไม่ใช่สเต็ปที่ข้ามไปเป็นแฟน คือตอนนี้แฮปปี้แล้ว พี่เขาก็ดีให้เกียรติเรา แล้วแต่เรา เพราะก็มีคนอื่นที่เข้ามาในชีวิตเรา เขาให้เกียรติ ไม่มีสิทธิ์ที่จะหึงหวงอะไร รู้จักพี่เขา เพราะเจอกันผ่านงานมาสักพักหนึ่ง แล้วก็มามีเพื่อนกลุ่มเดียวกัน อายุพี่เขาก็ห่างกับมี่ 1 รอบ ถามว่ามีปัญหาเรื่องช่องว่างระหว่างวัยไหม ไม่มีนะ

หนุ่มคนนี้มีสิทธิ์ลุ้นเป็นแฟนไหม

พี่เขาก็เป็นคนดีทีเดียวแต่เขาเองก็มีคนมาชอบเยอะ เพราะเขาเป็นคนน่ารักคนหนึ่ง น่าจะมีสาวๆ มาชอบเขาเยอะเหมือนกัน คือเราก็คุยกันว่าเราเป็นเพื่อนกัน ต่างคนก็ต่างให้เกียรติกันที่จะเปิดใจให้คนอื่นด้วย

แล้วอะไรที่ทำให้เขาชนะใจเอมมี่

เขาเป็นคนดีแล้วที่ผ่านมาเขาเป็นที่ปรึกษาที่ดี เป็นคนที่โอเคคนหนึ่ง ชอบที่เขาให้เกียรติเอมมี่ทุกเรื่อง อย่างช่วงเวลาที่รู้จักเขามา 2 ปี แล้ว เขาไม่ได้กดดัน หรือมาเอาคำตอบอะไรจากเราเลย

นี่ล่ะ"เอมมี่" มรกต กิตติสาร

มรกต กิตติสาระ

ชื่อเล่นเอมมี่

เกิดวันที่1 กุมภาพันธ์ 2527

ปัจจุบันอายุ25 ปี

ตำแหน่งมิสไทยแลนด์ ยูนิเวิร์ส ปี 2547

ผลงานที่สร้างชื่อหลงทางรัก ภูตแม่น้ำโขง

ผลงานที่ผ่านมา สิงห์มอเตอร์ไซค์กับยายตัวแสบ เกิร์ลคัพ รับหัวใจใส่ประตู เหล็กไหล ด้วยแรงแห่งรัก น้องเหมียวเขี้ยวเพชร เพียงผืนฟ้า ฯลฯ

เพ็ญนภาดำเล็ก / เรื่อง

ภาพ/สยามบันเทิง

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook